เที่ยวหนองคาย-เวียงจันทน์ ข้ามด่านที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า สปป.ลาว อีกหนึ่งประเทศเพื่อบ้นที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประเทศที่ไม่ติดกับทะเล ที่ลาวจะใช้เงิน กีบ และ ดอลลาร์สหรัฐ ในการใช้จ่าย ภาษาประจำชาติ คือ ภาษาลาว ประเทศลาวอยู่ในภูมิอากาศเขตร้อน มีลมมรสุมแต่ไม่มีลมพายุ สภาพอากาศจะเหมือนกับบ้านเรา ด้านศาสนาประเทศลาวมีผู้นับถือศาสนา 7.2 ล้านคน โดยแบ่งได้ดังนี้ ศาสนาพุทธ 66% ศาสนาผี 30.7% ศาสนาคริสต์ 1.5% ศาสนาอื่น ๆ 1.8%
การแบ่งเขตการปกครอง ประเทศลาวแบ่งเป็น 17 แขวง และ 1 นครหลวง คือเมืองหลวงชื่อว่า เวียงจันทน์ มีระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
อณาเขตล้อมรอบด้วยชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ เรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับประเทศจีน
- ทิศตะวันออก ติดกับประเทศเวียดนาม
- ทิศใต้ ติดกับประเทศไทย และประเทศกัมพูชา
- ทิศตะวันตก ติดกับประเทศไทย และประเทศพม่า
เที่ยวเวียงจันทน์-สปป.ลาว ข้ามแดนที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย
เริ่มต้นจากหนองคาย บริเวณตลาดท่าเสด็จจะมีที่พักราคาถูกมากมายให้เลือกพักกันราคาเริ่มต้นที่ 500 บาทขึ้นไปต่อคืน อยู่ติดริมฝ่งแม่น้ำโขง ทำให้มองเห็นฝั่งสปป.ลาวได้อย่าใกล้ชิด ชัดเจน และอยู่ใกล้กับสพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่เราจะไปข้ามแดนไปฝั่งลาวกัน ทริปนี้เรามีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด สามท่าน จะไปแบบสามวันสองคืนที่เวียงจันทน์
จากตลาดท่าเสด็จมายังด่านพรหมแดนหนองคาย(สะพานมิตรภาพไทย-ลาว)ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ถ้านั่งรถสกายแลป หรือ สามล้อ ราคาจะอยู่ที่ประมาณคนละ 30-50 บาท อยู่ที่เราจะต่อรองว่าจะได้ราคาเท่าไหร่ เมื่อมาถึงหน้าด่านแล้วเตียมเอกสารการผ่านแดนให้พร้อม พาสปอร์ท,บัตรขาเข้า-ขาออก สีฟ้ายาวๆ ซึ่งต้องใช้คู่กันเวลาจะเข้าออกประเทศไทย ห้ามทำหายหรือฉีกขาด บัตรขาเข้า-ขาออกสามารถขอได้ที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าด่านบางที่จะมีวางไว้ให้เราไปหยิบเอง
จากนั้นกรอกรายละเอียดตามช่องให้ครบ เมื่อกรอกครบแล้วให้เข้าไปในอาคารด้านใน ยืนต่อแถวที่ช่องเพื่อยืน พาสปอร์ท,บัตรขาเข้า-ขาออก ให้เจ้าหน้าที่ปั๊มตรา ลงวันที่ให้เรา เจ้าหน้าที่จะส่งพาสปอร์ท,บัตรขาเข้า คืนมาให้เรา เป็นการออกจากประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ผ่านตม.ฝั่งไทยเสร็จเรียบร้อย เมื่อเดินออกจากประตูมาจะเห็นเค้าเตอร์ขายตั๋วรถบัสอยู่ทางด้านขวามือ รถบัสนี้จะรับส่งผู้โดยสารข้ามไปมาแค่ด่านฝั่งไทยและด่านฝั่งลาวเท่านั้น ไม่ได้วิ่งเข้าออกประเทศ เราจะต้องซื้อตั๋วราคาคนละ 15 บาท เพื่อข้ามไปยังฝั่งลาว
เมื่อรถบัสมาจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกว่ารถคันนี้มาแล้ว รถคันนี้จะออก หรือสังเกตุง่ายๆว่า คนจะไปขึ้นเยอะที่สุด พนักงานจะฉีกตั๋วก่อน จากนั้นเราจึงขึ้นรถได้ ใครมาก่อนได้นั่งก่อน ไม่มีการระบุที่นั่งหรือจองล่วงหน้า รอไม่นานสักพักรถก็ออก ส่วนมากจะเต็มไว เนื่องจากทั้งคนไทยและคนลาวจะข้ามไปมากันเยอะที่ด่านนี้ ใช้เวลาข้ามฝั่งมาไม่ถึง 5 นาที ก็มาถึงฝั่งลาวเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อลงรถมาให้เราไปเอาบัตรขาเข้า-ขาออก ของสปป.ลาว สามารถขอได้ที่เจ้าหน้าที่ลาว เค้าจะมีจุดให้บริการอยู่ หรือถ้าหาไม่เจอก็ถามคนแถวนั้นได้ เสร็จแล้วก็เอามานั่งเขียนให้ครบถ้วน จากนั้นเราจะต้องไปเสียค่าเข้าประเทศจะเป็นป้อมสีเทาๆอยู่ขวามือใกล้เรา เมื่อจ่ายเงินแล้วเจ้าหน้าที่จะให้บัตรมา 1 คนต่อ 1 ใบ ให้เราเก็บบัตรนี้ไว้
หลังจากนั้นให้ไปยืนเข้าแถวที่ช่องตรวจคนเข้าเมือง เพื่อรอตรวจเอกสาร เจ้าหน้าที่จะลงตราปั๊มและวันที่ให้เรา แล้วส่งคืนมา เราจะต้องตรวจเช็คว่าเจ้าหน้าที่ลงวันที่และตราปั๊มถูกต้องครบถ้วน จะได้ไม่มีปัญหาเวลาเราออกจากสปป.ลาว ในวันกลับ เมื่อผ่านการตรวจคนเข้าเมืองมาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือเอาบัตรสีเทาที่เราได้มา ใช้ที่ช่องประตูอัตโนมัติ บานกันจะเปิดออก เป็นอันผ่านแดนเสร็จเรียบร้อย
เมื่อผ่านประตูบานกั้นอัตโนมัตมา ด้านซ้ายมือเราจะมีร้านขายซิมการ์ดมือถือ อินเตอร์เน็ทอยู่ที่ห้องสีแดงๆนี้ พนักงานจะพูดภาษาไทยได้ชัด เค้าจะสอบถามว่า เราต้องการใช้งานแบบไหน ราคาเท่าไหร่ จะมีของหลายค่ายมาเสนอให้เราเลือก
อยู่ติดกันถัดมาจะเป็นจุดรับแลกเงินของธนาคารพงสะหวัน เป็นธนาคารของลาว เราสามารถนำเงินบาทไปแลกได้ที่นี้ ไว้ใจได้ การแลกเงินทุกครั้งต้องใช้พาสปอร์ทแสดงด้วย เรื่องเรทราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงในทุกวัน ไม่เท่ากัน ถ้าเราจะแลกแค่หลักพันบาท ก็ไม่ต้องกังวนเรื่องความต่างตรงนี้ เราแลกก่อนสัก 3,000 บาทไทย คิดว่าน่าจะพอสำหรับทริปนี้ แต่ถ้าหากกลัวว่าจะไม่พอ สามารถไปหาแลกได้ในตัวเมืองเวียงจันทน์ มีจุดรับแลกเงินหลายจุด หลายธนาคาร หรือใครที่ใช้บัตรเอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถกดได้ที่ตู้เอที่เอ็มที่ลาว แต่จะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่ากดที่บ้านเรา
ตอนที่แลกเงินมาอย่าลืมบอกพนักงานด้วยว่าเราขอแบงค์ย่ยอด้วย เพราะบางที่จะให้เป็นแบงค์ใหญ่มาเลย อาจจะใช้จ่ายยากกับร้านอาหาร ร้านค้าเล็ก เพราะทางร้านอาจจะไม่มีทอน เวลาหยิบเงินใช้จ่ายควรระมัดระวัง เนื่องจากเราอาจจะสับสนเรื่องของเลข 0 ที่มีอยู่เยอะจนทำให้งงเวลาหยิบจ่าย และตรวจนับเงินทอนทุกครั้งที่ได้รับว่าครบถ้วนถูกต้อง ที่ลาวใช้สกุลเงิน กีบ และ USD
เมื่อซื้อซิมการ์ดและแลกเงินเสร็จแล้วเราจึงขึ้นแท๊กซี่จากด่านฝั่งลาวที่เราออกเมื่อกี้ ให้ไปส่งที่ที่พักในตัวเมืองเวียงจันทน์ ครั้งนี้ เราได้ราคา 400 บาทเนื่องจากหนึ่งในผู้ร่วมเดินทางของเราพูดภาษาอีสารได้นั้นเอง เราจึงต่อรองราคาได้มาแบบถูกๆ
หรือใครที่คิดว่ายังแพงอยู่ ไม่อยากไปแท๊กซี่ส่วนตัว ก็สามารถไปขึ้นรถเมล์เขียวปรับอากาศสาย 162 รถจอดหลังจากผ่าน ตม. ลาวมาแล้ว อยู่ด้านขวามมือ ค่าโดยสารเพียงคนละ 6,000 กีบ หรือ 24 บาท ระยะทางจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปเวียงจันทน์ประมาณ 21 กิโลเมตรเท่านั้น หรือจะนั้งสาย 145 ไปลงที่ตลาดเช้าก็ได้
ถึงแล้วเมืองหลวงเวียงจันทน์ ทริปนี้เราเลือกพักที่ หายโศก เกรส์เฮ้าส์ จากที่ลองพักมาแล้ว คิดว่าดีมากเลย ราคาไม่แพง พนักงานบริการดีมาก ภายในห้องพักไม่ก่า ไม่ใหม่ ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ด้านล่างมีพื้นที่นั่งเล่นแบบอินดอร์ เอ้าท์ดอร์ มีกาแฟ นำผลไม้ปั่น ของว่างขายให้แก่นักท่องเที่ยว ราคาไม่แพง อยู่ใกล้มินิมาร์ท ตลาด บาร์ ร้านอาหารมากมาย เข้าออก สะดวก ปลอดภัย มีบริการฟรี Wi-Fi เราจองมาแบบ 1 ห้องนอน 3 คน ซึ่งที่นี้ก็มีห้องพักแบบทั้ง นอน 2 คน 3คน หรือ 5 คน ไว้บริการ
เมื่อเช็คอินเก็บสัมภาระเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบที่พัก ซึ่งตอนนี้เรากำลังเดินไปทางฝั่งริมแม่น้ำโขง เราเปิดจีพีเอสในมือถือไปด้วย คอยช่วยนำทาง กันหลงอีกทีนึง เมื่อเดินมาเลยเรื่อยจะเห็นว่าสองข้างทางมีร้านค้า ร้านอาหาร วัด และที่พักมากมายในตัวเมืองเวียงจันทน์
เมื่อข้ามถนนมาจะเห็นสวนสาธาณะสีเขียวชุ่มช่ำอันเงียบสงบ บรรยากาศสบายๆ น่ามานั่งเล่น ทำกิจกรรมกัน สวนสาธารณะแห่งนี้มีชื่อว่า สวนสาธารณะเจ้าอนุวงศ์ (เวียงจันทน์) ผู้คนที่นี้จะนิยมมานั่งพักผ่อนกันตามมุมต่างๆในช่วงที่แดดไม่ร้อน
ระหว่างทางในสวนสาธารณะจะมีมีซุ้มขายเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ปั่น ราคาไม่แพงเท่ากับบ้านเราเลย อีกทั้งยังมีบริการห้องน้ำ แต่เสียค่าใช้บริการด้วย
เดินเข้ามาอีกหน่อยก็จะมีโซนสนามเด็กเล่น ส่วนใหญ่ผู้ปกครองมาพาลูกๆหลานๆมาเล่นและทำกิจกรรมกันตอนเย็นๆ เพราะอากาศไม่ร้อน และไม่มีแดด
เดินขึ้นบันไดที่ดูสูงๆขึ้นมาก็จะเจอถนนที่ขั้นอยู่ มองออกไปจะเห็นวิวแม่น้ำโขงและฝั่งไทย ตรงกับตำบลพานพร้าว หนองอุ่มจาน จังหวัดหนองคาย นั้นเอง
ถนนเส้นนี้จะเป็นถนนวันเวย์วิ่งเรียบริมฝั่งโขง ถนนโล่งๆ รถไม่ติด
เมื่อหันกลับมามองด้านหลังจะเป็นวิวสวนสาธารณะเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทน์นั้นเอง
เดินเล่นเหนื่อยมาพอสมควรแวะนั่งพักใต้ต้นไม้ซะหน่อยพอดีมีรถไอศกรีมผ่านมาเลยซื้อมานั่งกินเล่นแก้เหนื่อย โชคดีที่วันนี้แดดไม่ร้อนมาก ท้องฟ้ากึ่งฟ้ากึ่งฝน
เสร็จจากเดินเล่นชมเมืองรอบๆแล้วขอแวะหาอะไรกินก่อนเข้าที่พัก เพราะตอนนี้ท้องเริ่มหิวแล้ว มาเที่ยวที่ลาวแล้วทั้งทีจึงอยากลองส้มตำของที่ลาวหน่อย่วารสชาติจะจัดจ้านขนาดไหน ร้านที่แวะนี้เป็นร้านเล็กข้างทางที่ดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไรขาย ไม่น่าจะอร่อย ร้านดูแบบ เล็กๆบ้านๆ แต่เหมือนมีเซ้นท์ส่วนตัวบางอย่างบอกว่าอยากกินที่ร้านนี้แหละเราจึงเดินเข้าในร้านมีโต๊ะม้าหินอ่อน อยู่สองสามตัว บรรยากาศร้านเหมือนเป็นบ้านที่เปิดขายอาหารเล็กๆอยู่น่าบ้าน มีเตาปิ้งเล็กๆ ตู้ไก่ย่างตู้ส้มตำและครกวางอยู่
เราเลยเลือกสั่งส้มตำปู- ปลาร้า พริกสามเม็ด กับไก่ย่าง และแป๊ปซี่หนึ่งกระป๋อง เอามาชิมรางก่อน พอแม่ค้ายกจานมาเสิร์ฟเท่านั้นหล่ะ น้ำลายแตกฟองเปาะแปะๆอยู่ในปาก กลิ่นของส้มตำช่างหอมเหลือเกิน รอไม่ไหวแล้วรีบกินก่อนเลย คำแรก โอ้วววว อร่อยมาก รสชาติเพอร์เฟ็กค์ไร้คำติ คือ ไม่ผิดหวังในรสชาติจริงๆ กินคู่กับไก่ย่างของเค้ามันเข้ากันมาก เรื่องราคาถ้าจำไม่ผิดส้มตำจะอยู่ที่ประมาณ 50 บาทไทย และไก่ย่างไม้ละประมาณ 10 บาทไทย
ช่วงค่ำๆ ลานที่เราเห็นเป็นสวนสาธารณะในตอนกลางวัน ก็กลายเป็นตลาดไนท์มาร์เก็ทในตอนกลางคืน จากที่พักเดินมาไม่ไกลเดินมาทางเดียวกับที่มาสวนสาธารณะเมื่อตอนกลางวัน
ตลาดไนท์มาร์เก็ทเวียงจันทน์แห่งนี้ มีของขายมากมาย เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด ของที่ระลึกต่างๆ อุปกรณ์เกี่ยวกับมือถือ รองเท้า และอีกมากมาย เหมือนตลาดนัดใหญ่ๆที่ไทยนั้นเอง อีกทั้งราคาถูก และสินค้ายังดูดีมากโดนเฉพาะกระเป๋าถือของผู้หญิง เรียกได้ว่าราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 150 บาทเป็นต้นไปเลยทีเดียว ใครที่สนใจอยากหาที่ช้อปปื้งที่เวียงจันทน์ แนะนำให้มาเดินที่นีดู รับรองได้ว่าจะต้องได้ของติดไม้ติดมือกลับไปแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีอาหารมากมายขายริมทางอีกด้วย ทั้งร้านอาหาร หรือจะเป็นแบบรถมาจอดขายอาหารริมทาง ซึ่งแต่ละร้านจะมีผู้คนเข้าไปนั่งรับประทานอาหารกันมากมาย ทั้งรสชาติและราคา อร่อยสมกันจริงๆ
ครั้งนี้เราของลองเคบัฟที่เวียงจันทน์ดูหน่อย ปกติจะชอบกินที่ไทย อยากรู้ว่ารสชาติจะแตกต่างกันยังไง เราสามารถเลือกประเภทขนมปังได้ ขนมปังบางชนิดจะราคาแตกต่างกัน ผักกับซอสก็บอกเค้าได้หากว่าเราไม่ชอบอันไหน ของเราใส่ทุกอย่าง ลองชิมแล้วรสชาติอร่อยใช้ได้เลย ราคาถูก และอิ่มด้วย
ช้าวันต่อมาเราใช้บริการพี่แท๊กซี่เที่ยวชมเมืองให้ผู้ร่วมเดินทางของเราที่พูดภาษาอีสานได้ไปต่อรองเรื่องราคา ปรากฎว่าได้มาในราคา 600 บาทไทย กับการเที่ยวชม 5 สถานที่ในวันนี้ ซึ่งหารออกมาเราคิดว่าคุ้มมากๆ และด้วยแต่ละที่เดินถึงกันค่อนข้างไกลและอากาศร้อน ใครที่ชอบเดินหรือเดินเก่งๆก็เดินได้สบายๆ
1.วัดศรีสะเกษ เวียงจันทร์-ลาว
เริ่มจากที่แรกเลยนั้นก็คือ วัดศรีสะเกษ อยู่ตรงข้ามกับหอพระแก้ว เชื่อกันว่าวัดศรีสะเกษเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเวียงจันทน์ (หลวงพระบาง) สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2361 โดย พระเจ้าอนุวงศ์ กษัตริย์สุดท้ายของราชวงศ์ล้านช้าง เวียงจันทน์
2.หอพระแก้ว เวียงจันทร์-ลาว
ที่ต่อไป หอพระแก้ว เสียค่าเข้าชม 5,000 กีบ อดีตเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต สถานที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก หอพระแก้วนั้นคือ สถานที่ที่เคยประดิษฐาน พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ตั้งอยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว นั่นเอง แต่ปัจจุบันนี้เหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐานเท่านั้น เพราะพระแก้วมรกตองค์ปัจจุบันนั้นได้ถูกอัญเชิญลงมาประทับที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทยนั่นเอง
3.วัดศรีเมือง เวียงจันทร์-ลาว
เป็นสถานที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครเวียงจันทน์ วัดศรีเมืองสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2106 และหลังจากถูกกองทัพสยามทำลายลงในปีพ.ศ.2371 ก็ได้มีการสร้างวัดศรีเมืองขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2458 ภายในวัดศรีเมืองนั้นมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มากมาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และความเก่าแก่ พระพุทธรูปองค์นี้ได้ชำรุดไปบางส่วนซึ่งชาวลาวนั้นเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
ด้านหน้าทางเข้าวัด จะมีดอกไม้ธูปเทียนต่างๆ ของที่ใช้ไหว้สักการะบูชา เครื่องสังฆทาน ขาย สามารถมาแวะซื้อได้ที่นี้
เมื่อได้ดอกไม้ธูปเทียนแล้วก็เตรียมตัวเข้าไปไหว้ที่ด้านในพระอุโบสถ์ได้เลย
สิ่งที่จะนำไปกราบไหว้พระที่อยู่ภายในพระอุโบสถของวัดสีเมืองนั้น เรียกว่า ต้นเทียน จะมีลักษณะเป็นแผ่นขี้ผึ้งบาง ๆ ทำเป็นดอกเหมือนดอกไม้ บางต้นก็จะทำจากวัสดุธรรมชาติเช่นใบตอง ดอกดาวเรือง
ต้นดอกเทียนจะต้องวางบนถาดที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ ธูป 3 ดอก และเทียน 2 เล่ม จุดและนำไปปักที่ถาด จากนั้นก็นำถาดที่มีต้นดอกเทียนวางไว้ด้านหน้าพระพุทธรูป กราบพระ 3 ครั้ง ตั้งนะโม 3 จบ ไหว้พระและอธิฐานตามแต่ใจปรารถนากันเลย แต่เนื่องจากเราไม่รู้ตอนแรกเลยซื้อมาแค่ดอกบัว ก็สามารถไหว้ได้เช่นกันตามความศรัทธา วันนี้มีชื่อเสียงด้านโชคลาภของนักเสี่ยงโชคทั้งหลาย จะนิยมมาขอพระด้านโชคลาภกันที่วัดแห่งนี้
เมื่อไหว้เสร็จแล้วทำบุญ บริจาคให้วัดแล้ว ก็มารับพรจากพระคุณเจ้า ครั้งนี้ท่านได้ผูกสายสิญจน์และให้พร ที่นี้ทำบุญตามกำลังศรัทธา
เสร็จเรียบร้อยแล้วไปก็ออกเดินทางไปกันต่อยังที่ต่อไป อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันเลยนั้นก็คือ….
4.พระธาตุหลวง เวียงจันทน์-ลาว
หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งเวียงจันทน์ และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ
ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย
สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างของประเทศลาว ดังปรากฏว่าตราแผ่นดินของลาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้
เสียค่าเข้าชมคนละ 5,000 กีบ
เมื่อเข้ามาแล้วก็มาสักการะองค์พระธาตุที่ด้านหน้าก่อน
องค์พระธาตุมีความสูง 45 เมตร รูปลักษณะคล้ายดอกบัวตูม อันหมายถึงสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า มีพระธาตุเล็กอยู่บนพระธาตุใหญ่ชั้นที่สอง รองทั้งสี่ด้าน มี 30 องค์ รูปชั้นล่างสุดเป็นฐานพระธาตุ 4 เหลี่ยม ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยาวด้านละ 69 เมตร ส่วนทางทิศเหนือและทางทิศใต้ยาวด้านและ 68 เมตร ด้านล่างมีใบเสมารอบ 4 ด้าน มีทั้งหมด 323 ใบ มีหอไหว้ทั้ง 4 ด้าน มีบันไดขึ้นหอไหว้ทุกหอ
ด้านที่สอง ถัดจากหอไหว้ขึ้นไป แต่ละด้านยาว 48 เมตร มีกลีบดอกบัวล้อมรอบ ทั้งหมดมีจำนวน 120 กลีบ ภายในกลีบดอกบัวทำด้วยกระดูกงู แล้วตั้งใบเสมาบนกระดูกงูนั้น ใบเสมาในชั้นนี้ จำนวน 228 ใบ ตรงกลางใบเสมาทุกใบเป็นโพรง (ไม่ทะลุ) สำหรับใส่พระพิมพ์ใบละองค์ บนชั้นนี้มีประตูโขงตรงกับทางขึ้นหอไหว้ทั้ง 4 ด้าน พอเข้าไปที่ประตูโขงนั้นก็จะพบพระธาตุบารมีที่กล่าวแล้ว และธาตุบารมีก็มีชื่อเรียกทุกองค์ คือเริ่มแต่ทานบารมี ทานอุปบารมีในจนครบ ทั้ง 30 องค์
ชั้นที่สามสร้างขึ้นถัดจากพระธาตุองค์เล็ก 30 องค์นั้น ขึ้นไปบนชั้นนี้จะเห็นว่า มีความกว้าง ด้านละ 30 เมตร พื้นด้านที่สามนี้ มีรูปลักษณะเป็นหลังเต่า หรือโอคว่ำ (ขันตักน้ำคว่ำ) อยู่บนชั้นหลังเต่า เป็นฐานของยอดพระธาตุ มีรูปเป็นสี่เหลียมล้อมรอบด้วยกลีบดอกบัวใหญ่ ซึ่งมีปลายกลีบเริ่มบานออก ถัดจากดอกบัวไปจึงมีรูปรัดเอว เหนือจากที่รัดเอวไปจะเป็นฐานจอมธาตุ ฐานนี้จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเหวอ (บาน) ขึ้นด้านบนนิดหน่อย ต่อจากฐานนี้ คนโบราณเรียกว่า “ดวงปี”จึงเป็นสเวตฉัตรเป็นยอดพระธาตุที่สูงสุด” อยู่รอบฐานพระธาตุ ก็ได้สร้างบริเวณล้อมรอบติดกันทั้ง 4 ด้าน มีประตูเข้าทั้ง 4 ด้าน ประตูอยู่ระหว่างกลางบริเวณแต่ละด้านพอดี
5.ประตูชัย เวียงจันทน์-ลาว
เป็นอนุสรณ์สถานตั้งอยู่ใจกลางนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว ก่อสร้างในระหว่างปี ค.ศ. 1957 ถึงปี ค.ศ. 1968 เพื่อเป็นการสดุดีวีรชนผู้ร่วมรบเพื่อประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่สอง ถูกออกแบบโดย Tham Sayasthsena สถาปนิกชาวลาว ปะตูไซถูกตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านช้าง นำสัตว์ในตำนานตามความเชื่อของศาสนาพุทธ เช่น กินรี และพญานาค เป็นต้น และเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มาตกแต่ง บริเวณโดยรอบมีลานจัดการแสดงน้ำพุประกอบดนตรีและสวนปะตูไซ ด้านบนเป็นจุดชมวิวเมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว สามารถมองเห็นวิวจากมุมสูงได้แบบ 360 องศาเลยที่เดียว เสียค่าขึ้นไปชมประมาณ 3,000 กีบ
หากมองไปทางด้านขวามือก็จะเห็นอาคารสีขาวหลังคาสีแดง ที่สวยงามโดดเด่นสะดุดตา ที่นั้นก็คือ อาคารสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งอยู่ริมถนนล้านช้าง บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประตูชัย ทำเนียบรัฐบาลเป็นอาคารรูปตัวยู U สูง 4 ชั้น ซึ่งเป็นที่ทำการและเป็นสำนักงานรับรองการเยือนของแขกต่างประเทศ นั้นเอง
จบการทัวร์ 5 สถานที่สำคัญในเมืองหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เป็นที่เรียบร้อย พี่คนขับใจดีก็พาพวกเรามาส่งที่ที่พักเป็นที่เรียบร้อย สนุก และประทับใจมากจริงๆกับทริปนี้
หลังจากที่ตะลุยเที่ยวกันมาทั้งวันก่อนกลับขอไปกินอาหารเติมพลังกันซะหน่อย ครั้งนี้เราของเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ริมทาง เยื่องๆด้านขวามมือกับที่พัก หายโศกเกรทเฮ้าส์นั้นเอง ร้านนี้อร่อยและราคาไม่แพง มีเมนูให้เลือกมากมาย ตามความชอบ
มื้อนี้ขอเลือกกินเป็น บะหมี่แห้งหมูกรอบ เสริฟ์มาพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆที่มีลูกชิ้นด้วย มีผักมาแบบพูนๆไว้กินคู่กัน อร่อยมากและราคาไม่แพงของที่นี้ ทั้งหมดนี้ราค า15,000 กีบเองจ้า
เช้านี้เช็คเอ้าเดินทางกลับไทย ก็เรียกใช้บริการพี่แท๊กซี่คันเมื่อวานที่พาเราไปเที่ยว ให้มาส่งที่ด่านสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว เพื่อจะข้ามไปฝั่งหนองคาย ขั้นตอนการข้ามแดนก็เหมือนกับตอนที่เราเข้ามาเลย ขั้นตอนแบบเดียวกัน
แต่ก่อนข้ามจะมีตลาดที่อยู่ข้างๆด่านสามารถไปช้อปปิ้งกันก่อนกลับไทยได้ ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า น้ำหอม ขนม ของฝาก ของที่ระลึกต่างๆและยังมีร้าน Duty Free สามารถซื้อของปลอดภาษี (แท้) ได้ที่ร้าน Haven duty Free ซื้อเหล้าได้ไม่เกินคนละ 1 ลิตร บุหรี่ได้ไม่เกินคนละ 1 คอทตอล หากเกินกว่านี้อาจจะมีปัญหาตอนข้ามไปฝั่งไทยไม่ถูกปรับก็อาจจะถูกยึดจากเจ้าหน้าที่ได้ หากใครที่ซื้อของในตลาดด้านนอก ให้ระวังเรื่องเหล้า บุหรี่ อาจจะเป็นของปลอมหรือของก๊อบ
จบการเที่ยวเมืองหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว แบบวันเดย์ทริปแล้ว ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มจริงๆ หากใครต้องการมาเที่ยวที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว แบบไม่ค้างคืนก็สามารถเที่ยวได้ตามนี้เช่นกัน หรือใครที่อยากมาพักผ่อนแบบสบายๆ เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในเมืองหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ก็สามารถมานอนค้างได้สักสามวันสองคืนถือว่ากำลังดี
สนใจค้นหาที่พักในเวียงจันทน์ CLICK !!