สถานที่ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมาก รวมถึงวัฒนธรรม ประเพณที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวทั้งหลายจากทั่วทุกมุมโลกให้เข้ามาลองสัมผัสกัน อีกทั้งยังมีความสวยงามด้านอาหารเป็นที่รู้จักแก่สายตาของผู้ที่มาเยือน จนได้รับความประทับใจกลับบ้านไม่รู้ลืมอีกด้วย
หากใครได้ลองมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นสักแล้วล้วนจะต้องได้กลับมาเที่ยวที่นี้อีกเป็นแน่ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว โดยได้ดำเนินมาตรการยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวให้กับประเทศเป้าหมาย รวมถึงประเทศไทย เพื่อเพิ่มกระแสให้นักท่องเที่ยวไปญี่ปุ่น ทั้งนี้น่าจะยังได้รับความนิยมในหมู่คนไทยอย่างต่อเนื่อง
โดยมีแรงหนุนสำคัญๆ ทั้งจากมาตรการยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวที่ยังคงมีผลบังคับใช้ บวกกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของบริษัทฯต่างๆและโปรโมชั่นอัดแน่นจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินเยนที่อ่อนค่า รวมทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นมากขึ้นทุกปี
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
โตเกียว (Tokyo)
หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower)
หอคอยที่มีความสูง 333 เมตร ที่เลียนแบบมาจากหอไอเฟลในปารีสแต่สูงและเบากว่า หอคอยการสื่อสารของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังเป็นจุดชมวิวยอดนิยมและยังถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างของเมือง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง และพิพิธภัณฑ์ศิลปะให้ชมกันอีกด้วย
วัดอาสะกุสะ (Asakusa Kannon Temple)
เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโตเกียว บรรยากาศรอบๆจะเต็มไปด้วยร้านค้าในบรรยากาศสมัยเก่า จำหน่ายทั้งของกินและของที่ระลึก อีกหนึ่งจุดเด่นเลยนั้นก็คือ โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของผู้ที่มา เป็นต้องถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึก
พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace)
พระราชวังหลวงโตเกียว เป็นพระราชวังหลวงที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น พระราชวังนี้แต่เดิมเป็นที่ตั้งของปราสาทเอะโดะ ภายในพระราชวังประกอบด้วยพระราชมนเทียร, พระตำหนัก (คีวเด็ง) ของพระราชวงศ์ พิพิธภัณฑ์ของสะสมในพระองค์, สำนักพระราชวัง, และพระราชอุทยานขนาดใหญ่
ฮาราจูกุ (Harajuku)
เป็นย่านของวัยรุ่นญี่ปุ่น มีการแต่งชุดคอสเพลย์ตามตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบที่มีสีสันไม่แพ้ย่านอื่นในโตเกียวเลยที่เดียว มีร้านค้า แหล่งชอปปิ้งที่นี้จะเน้นไปที่เสื้อผ้าแฟชั่นแบบวัยรุ่น และร้านกิ๊ฟช๊อปน่ารักๆต่างๆมากมาย
กินซ่า (Ginza)
เป็นย่านยอดฮิตสำหรับผู้ที่รักการช้อปปิ้งและกินดื่มของคนโตเกียว บริเวณนี้จะมีศูนย์การค้าต่างๆ ร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ คาเฟ่ มากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอางค์ระดับไฮเอ็นและสินค้าแฟชั่นแบรนด์ชั่นนำต่างๆก็มารวมอยู่ในย่านนี้
ชิบุยะ (Shibuya)
แหล่งรวมเสื้อผ้าแฟชั่นต่าง แหล่งธุรกิจ และบันเทิง จุดเด่นของที่นี้เลยคือแยกข้ามถนนที่มีคนเดินข้ามไปมากันคึกคักเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีย่านสำคัญๆอีกเช่น Center Gai ย่านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ,Tokyo hands มีของขายสไตล์ D.I.Y , Koen Dori มีห้างร้านช้อปปิ้งตลอดสองข้างทาง , Loft แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักกันของชาวไทย , Shibuya 109 สินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ
ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)
ตลาดค้าปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกและใหญ่ที่สุดในโตเกียว ตลาดจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ถึงบ่าย 2 โมง ทางตลาดจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้แค่ 120 คนต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังขายผัก ผลไม้อีกด้วย ส่วนคนที่รักอาหารทะเลและซูชิก็ไม่ควรพลาดที่นี่
ชินจูกุ (Shinjuku) เป็นแหล่งรวมความบันเทิง แหล่งธุรกิจ และห้างสรรพสินค้ามากมาย เช่น ห้างโอดาเกียว (Odakyu) ห้างอิเซตัน (Isetan) ห้างทาคาชิยามะ (Takashimaya) ห้างเคอิโอ (Keio) ห้างมายลอร์ด (Mylord) และยังมีศูนย์เครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยามาดะ เด็นกิ (Yamada Denki) อีกด้วย
โอซาก้า (Osaka)
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
เป็นสัญญลักษณ์ประจำเมืองนี้ สวนที่อยู่รอบปราสาทขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นซากุระจะมีความสวยงามมากเมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ ภายในตัวปราสาทยังมีนิทรรศการแสดงหลักฐาน ภาพเขียน เครื่องแต่งกายโบราณ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับประสาทและตระกูล Toyotomi ไว้ให้ชมกันอีกด้วย
หอคอย (Tsutenkaku)
หอคอยอันปัจจุบันนี้นับเป็นหอคอยรุ่นที่สองสูง 103 เมตร สูงกว่าหอคอยรุ่นแรก 39 เมตร บนชั้น 5 มีห้องโถงและกล้องส่องทางไกลที่สามารถมองเห็นวิวได้ทั่วเมือง และยังมีรูปปั้นของเทพเจ้า Biligen ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบเท้าแล้วจะโชคดีมีสุข อีกทั้งที่ยอดหอคอยยังมีไฟนีออนกลมๆประดับตลอดปี หากไฟนีออนเป็นสีขาวแสดงว่าอากาศในวันรุ่งขึ้นจะดี, สีส้ม หมายความว่าวันรุ่งขึ้นจะมีเมฆมาก และสีเขียว ฝนจะตก
ตึกอูเมดะสกาย(Umeda Sky Building)
เป็นสถาปัตยกรรมอาคารสูงสุดไฮเทคในย่านคิตะของโอซาก้า ตั้งอยู่ใกล้ Osaka and Umeda Station หรือรู้จักกันในชื่อ New Umeda City ตึกแห่งนี้มีความสูงถึง 173 เมตร หากไปเยี่ยมชมในตอนกลางคืนจะมีความสวยงามเป็นอย่างมาก
ย่านโดทงโบริ(Dotonbori)
ย่านดังดาวน์ทาวน์ขนาดใหญ่ของเมืองโอซาก้า อีกหนึ่งสีสันของนักท่องเที่ยว ในยามค่ำคืนท่านจะได้เห็นไฟประดับห้างร้านต่างๆมากมาย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิงอื่นๆ เป็นที่ตั้งของป้ายไฟกูลิโกะ อีกหนึ่งสัญญลักษณ์ของโอซาก้า ที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูป
ย่านชินเซไค(Shinsekai)
ผังเมืองทางตอนเหนือได้รับอิทธิพลมาจากเมืองปารีส ส่วนในตอนใต้นั้นถูกสร้างตามเกาะโคนี่ย์ในนิวยอร์ค ชินเซไกนั้นแปลว่า“โลกใหม่” ตอนกลางวันจะค่อนข้างเงียบเหงาอีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมร้านกินดื่มสำหรับคนญี่ปุ่น มีอาหารและขนม และกับแกล้มให้ลองชิมกันมากมาย ยังมีร้านขายของที่ระลีกให้เลือกช้อปกันอีกหลายร้าน อาหารขึ้นชื่อของย่านนี้ที่ห้ามพลาดก็คือ คุชิคาสึ(kushikatsu) หรือของทอดเสียบไม้
ศาลเจ้าสุมิโยชิ ไทชะ(Sumiyoshi Taisha)
มีสถาปัตยกรรมเฉพาะตัว เรียกว่า สุมิโยชิ-ซึคุริ (Sumiyoshi-zukuri) ซึ่งไม่เหมือนกันรูปแบบศาลเจ้าของที่อื่นๆในเอเชีย ป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ประเพณีของศาสนาชินโตก่อนเข้าศาลเจ้าจะต้องล้างมือ ล้างปากก่อนเข้าศาลเจ้า ชาวญี่ปุ่นนิยมมาไหว้พระขอพรกันมากในช่วงวันปีใหม่
วัดชิเทนโนจิ(Shitennoji Temple)
เป็นอีกหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 593 อละยังเป็นวัดพุทธแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย บริเวณวัดชั้นในสวนโกคุราคุ-โจโด และห้องเก็บสมบัติ จัดแสดงภาพวาดพระคัมภีร์และทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ ของวัด ในส่วนของเจดีย์ 5 ชั้นนั้้นสามารถเข้าไปเยี่ยมชมด้านในได้เช่นกัน หรือนักท่องเที่ยวท่านได้อยากเดินชมบรรยากาศรอบๆก็มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอโอซาก้า(Universal Studio Osaka)
อาณาจักรของคนรักหนังฮอลลิวู้ดหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น รวมเครื่องเล่นสุดมันส์และธีมปาร์ค ที่จำลองมาจากฉากของภาพยนตร์ชื่อดัง ภายในแบ่งสวนสนุกออกเป็น 8 โซนหลักๆ โดยสร้างตามธีมหนังฮอลลีวูดต่างๆ ล่าสุดโซนใหม่คือ แฮรี่ พอตเตอร์ เป็นสวนสนุกแห่งแรกของยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ ที่เปิดในเอเชีย ช่วงกลางคืนจะมีขบวนพาเหรดสวยงามให้ดูอีกด้วย
เกียวโต (Kyoto)
หอคอยเกียวโต (Kyoto Tower)
จุดเด่นสำคัญของเมืองเกียวโตที่มีรูปทรงคล้ายแท่งเทียนหรือประภาคาร เป็นหอคอยที่สร้างอยู่บนตัวอาคาร โดยมีตัวอาคารสูง 9 ชั้นปัจจุบันเป็นโรงแรมชื่อ Kyoto Tower Hotel นักท่องเที่ยวสามรถขึ้นไปดูวิวทัวทัศน์รอบของเมืองเกียวโต ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก มองเห็นได้ไกลสุดสายตาเลยที่เดียว
วัดคิโยมิสึ (Kiyomizudera Temple)
มีที่มาจากน้ำตกที่ไหลผ่านเนินเขาลงมาบริเวณวัด ใต้อาคารหลักคือ น้ำตกโอตะวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ ผู้ที่มามักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยถ้วยโลหะ ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษา ภายในศาลเจ้ามี “ก้อนหินแห่งความรัก” 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร เชื่อกันว่า หากสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะสมปรารถนาในความรัก
วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji)
วัดแห่งนี้คนไทยเรารู้จักกันอย่างกว้างขวางเพราะเคยกล่าวถึงในการ์ตูนเณรน้อยเจ้าปัญญา “อิกคิวซัง” และยังเป็นวัดประจำนิกายเซนชื่อดังประจำเมืองอีกแห่งที่มีศาลาที่ตกแต่งด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ตั้งอยู่กลางสระน้ำในสวนสวย เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองเกียวโต บรรยากาศโดยรอบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและต้นซากุระที่สวยงาม
วัดซันจูซันเก็นโดะ (Sanjusangendo Temple)
โด่งดังเรื่องรูปแกะสลักขนาดเท่าคนจริงของแม่พระโพธิสัตว์กวนอิมที่แกะสลักจากไม้ฉาบทองในปางต่างๆ เป็นจำนวน 1,001 องค์ ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารยาวกว่า 120 เมตร บริเวณด้านหน้ายังมีงานแกะสลักเทพเจ้าต่างๆ ในศาสนาฮินดู 28 องค์ และเทพเจ้าตามความเชื่อของญี่ปุ่นอีก 2 องค์ โดยงานแกะสลักทั้งหมดนี้เป็นศิลปะสมัยคามาคุระ (Kamakura) หรือราวศตวรรษที่ 12-13
วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple)
ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 886 วัดแห่งศาสนาพุทธขนาดใหญ่ที่จักรพรรดิยูดะ (Emperror Uda) เคยมาผนวช เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธลัทธิโอมูระ ชินกอน (Omura Shingon) บริเวณวัดยังมี เจดีย์ 5 ชั้น ลวดลายบนกำแพงวัด และสวนเชอรี่แคระ นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ก็ยังเคยเป็นพระราชวังเก่าในอดีตอีกด้วย เหมาะที่จะมาเยี่ยมชมความสวยงาม
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
สร้างขึ้นเพื่อบูชาจิ้งจอกที่เป็นทูตส่งสารของเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว เทพจิ้งจอก ที่ชาวญี่ปุ่นชื่อว่าเป็น ทูตสวรรค์ ผู้คอยนำข่าวสารจากสรวงสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ ศาลโทริอิ มีลักษณะเป็นซุ้มประตูสีแดงซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของศาลเจ้า ที่มีมากกว่าร้อยต้นทอดตัวยาวตามเส้นทางของไหล่เขาลดหลั่นกันบนเส้นทางยาวถึง 4 กิโลเมตร
ถนนฮานามิ-โคจิ (Hanami-koji Street)
ขึ้นชื่อว่าเป็นสีสันยามค่ำคืนแห่งเมืองเกียวโต ถนนหลักของย่านกิออนที่จะไปสุดสายที่วัดเคนนิจิ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านนั่งดื่มในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ร้านอาหาร โรงน้ำชา และร้านค้าของที่ระลึกที่ยังอยู่ในลักษณะบ้านเรือนแบบเก่า เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งที่พลาดไม่ได้เมื่องมาเที่ยวยังเมืองเกียวโต
บ่อน้ำร้อนฟูนาโอกะ (Funaoka Onsen)
บ่อน้ำพุร้อนและสปาแบบญี่ปุ่นที่เป็นลักษณะบ่อน้ำกลางแจ้ง มี ซาวน่า การอาบน้ำด้วยสมุนไพร หรือการผ่อนคลายร่างกายโดยวิธีวารีบำบัดในรูปแบบอื่นๆ ส่วนสระว่ายน้ำในร่มจะแยกเป็นสระสำหรับชายหญิง เพี่อความเป็นส่วนตัวหากคุณต้องการเปลือยกายอาบน้ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการมาผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าต่างๆ
ฟุกุโอกะ (Fukuoka)
หอคอย (Fukuoka Tower)
เป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟูกุโอกะ ตัวตึกเป็นกระจกสีฟ้ามสูง 234 เมตร สามารถชมวิวแบบพาโนรามา 360 องศา บนหอคอยชมวิวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองฟูกุโอกะและวิวรอบบริเวณอ่าวฮากะตะ นักท่องเที่ยวสามรถไปชมวิวหลังพระอาทิตย์ตกดินได้อีกด้วยซึ่งเป็นบรรยากาศในยามค่ำคืน มีความสวยงามไม่แพ้กันเลยที่เดียว
วัดโชฟุคุจิ เซ็น (Shofukuji Zen Temple)
วัดเซนแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น โดยท่าน Eisai ซึ่งท่านเป็นคนนำพุทธศาสนาฝ่ายเซนนิกายรินไซ จากประเทศจีนเข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่น ภายในวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มีอาคารไม้เก่าแก่หลายหลังปลูกสร้างตามรูปแบบของวัดเซน บริเวณรอบๆจะมี Sanmon Gate เป็นประตูใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสระเล็กๆ และสะพานหิน ถัดจากประตูหลักเรียกว่า Butsuden Hall เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ นักท่องเที่ยวสามรถไปกราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นศิริมงคลได้อีกด้วย
วัดโตโชจิ (Tocho-ji Temple)
เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 806 ภายในบริเวณวัดจะมีวิหารหลักและเจดีย์สีแดงสดความสูง 5 ชั้นซึ่งมีความโดดเด่น แล้วยังมีหอไม้โบราณทรง 6 เหลี่ยมด้วย มีการสร้างพระพุทธรูปนั่งทำจากไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (Fukuoka Giant Buddha) ประดิษฐานภายในวัด วัดนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 806 เป็นที่เคารพบูชาของชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
ศาลเจ้าดาไซฟุ (Dazaifu Shrine)
ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ท่านสุงาวะระ มิชิซาเนะขุนนางคนสำคัญในสมัยเฮอัน ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นเทพแห่งนักปราชญ์ คนญี่ปุ่นทั่วไปนิยมมาสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาที่จะขอพรเพื่อสร้างความมั่นใจในการสอบ ก็จะมาจับๆ รูปปั้นวัวที่วางอยู่หลายจุดเพื่อเป็นศิริมงคล อีกทั้งที่นี้ยังเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นอีกด้วย
สวนโอโฮริ (Ohori Park)
สถานที่พักผ่อนยอดนิยมของคนญี่ปุ่นในทุกวัย เป็นสาธารณะกลางเมือง มีสระขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน ผู้คนทั่วไปสามรถมาวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน นั่งชมวิวบริการเรือถีบ เรือพาย เดินเล่น นั่งพักผ่อนในวันสบายๆได่ที่นี้อีกด้วย บรรยากาศโดยรอบรายล้อมไปด้วยต้นไม้และธรรมชาติ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้มาเยื่นสวนสาธารณะแห่งนนี้นี่เอง
ปราสาทฟูกุโอกะและสวนมาอิซูรุ (Fukuoka Castle Ruin and Maizuru Park)
ตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองภายในสวนมาอิซูรู ที่นี้ยังเป็นจุดชมซากุระในช่วงเดือนเมษายนด้วย ชาวญี่ปุ่นส่วนมากจะมาปิกนิกกันบนสนามหญ้าใต้ต้นซากุระ โดยจะนิยมทานข้าวกล่องที่เรียกว่า ฮานามิ นอกจากนี้ยังมีซากของตัวปราสาทบางส่วนที่ได้ถูกบูรณะหรือสร้างขึ้นใหม่โดยเฉพาะหอคอยและประตูที่กระจายกันอยู่ทั่วพื้นที่ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมกันอย่างสวยงามเพลิดเพลิน
คาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City)
แห่งช้อปและความบันเทิงหลายรูปแบบที่รวมไว้ในที่เดียว เอาใจคนที่รักการช้อปปิ้งอย่างมาก มีทั้งร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นแท้และแบรนด์ต่างประเทศรวมกว่า 250 ร้าน นอกจากนี้ยังมีมีร้านอาหารเปิดให้บริการหลากหลายประเภท ให้ได้เลือกชิมกันอย่างจุใจ ขาช้อปทั้งหลายไม่ควรพลาดที่จะมาที่นี้แน่นอน
พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Musems)
เป็นที่แรกในโลกที่จัดแสดงศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยของเอเชียในลักษณะทีมเดียวกัน โดยนำเสนอผลงานที่มีคุณภาพสูง ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่ชั้น 7 และ 8 ใครที่ชื่นชมผลงานศิลปะก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่นี้ รับรองจะต้องถูกใจผู้ที่มาชมแน่นอน
ฮอกไกโด (Hokkaido)
นิเซโกะ (Niseko)
เป็นอีกสถานที่เล่นสกีที่มีชื่อเสียงในประเภทญี่ปุ่น ภูมิทัศน์โดยรอบมีความสวยงามรายล้องไปด้วยธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว จะมีชาวต่างชาติจำนวนมากนิยมเดินทางมาเล่นสกีบริเวณรีสอร์ทเนื่องจากมีลานสกียาวเป็นกิโล ทางบริเวณด้านหลังของที่เล่นสกีนั้นจะอยู่ใกล้กับโคนภูเขาไฟ จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มานั้นสามารถมองเห็นความสวยงามได้จากเมืองนิเซโกะนั้นเอง
บิเอะ (Biei)
เป็นเมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์ที่น่าหลงไหล รายล้อมด้วยภูมิทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม ภูเขา ทุ่งนาอันกว้างใหญ่ และบรรยากาศความเป็นชนบทดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่มาสามรถปั่นจักยานชมความสวยงาม สูดอากาศบริสุทธิ์ ถ่ายรูปสวยๆ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงอีกเช่น หอชมวิวโฮกุเซ เนินเขาซีเรบุ ฟาร์มคันโนะ ห้องจัดแสดงทาคุชินคันฯ
บ่อน้ำพุร้อน โนโบริเบทสึ (Noboribetsu)
เป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงบนเกาะฮอกไกโดแห่งนี้ อีกทั้งยังมีหุบเขาจิโกกุดานิที่สามารถมองเห็นน้ำพุดออกมาจากธรรมชาติใต้ดิน เป็นแหล่งรวมยอดฮิตของผู้ที่ชื่นชอบออนเซ็นในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ที่นี้ยังมีน้ำพุร้อนสำหรับไว้แช่เท้าแบบธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในกลางป่ากลางเขากันด้วย อีกบรรยากาศที่ห้ามพลาดของเมืองนี้
เมืองบ่อน้ำพุร้อนโยซันเกอิ (Jozankei)
บ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้ตัวเมืองซัปโปโรมากที่สุด เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ ชิโกซึ-โตญ่า ภายในมีบริการออนเซ็นและเรียวกัง อีกทั้งยังมีสปา ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มา หากใครที่ชอบแช่เท้าที่นี้ยังมี สปาเท้า ซึ่งมีราคาไม่แพงไว้คอยบริการอีกด้วย ภายในตกแต่งในบรรยากาศที่อบอุ่น สวยงามตามสไตล์ชาวญี่ปุ่น
เกาะรีบุน (Rebun Island)
อยู่ในอุทยานแห่งชาติริชิริ-รีบุน-ซาโรเบะสึ ที่อุดมไปด้วยพรรณไม้หลากหลายสายพันธุ์ ให้บรรยากาศสบายร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอื่นๆบนเกาะอีก เช่น แหลมซุโกตัน แหลมโงโรตะ หาดทรายโกโรตะ พื้นที่รีบุนอูซุยุกิโซะ โมโตจิ และโมโมอิวะ หากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชองธรรมชาติรับรองว่ามาที่นั้แล้วจะไม่ผิดหวังจริงๆ
อุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึซัง (Daisetsuzan National Park)
เป็นอุทยานที่กินพื้นที่ของ 4 เมืองบนเกาะฮอกไกโด ช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดก็คงจะเป็นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือช่วงฤดูใบไม้ร่วงของฮอกไกโดช่วงเดือน กันยายน – พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งทั่วทั้งอุทยานจะเต็มไปด้วยสีสันของใบไม้ที่พากันเปลี่ยนสีอวดความสวยงามของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญอีกมากมายซึ่งอยู่ไม่ไกล
อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko National Park)
อาณาเขตบริเวณกว้างขวางประกอบไปด้วยทะเล ผืนป่าเขียวขจีและภูเขาโดยมียอดเขาเราสุดาเกะ ที่เป็นจุดสูงที่สุดในเขตอุทยานมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ คำว่า “ชิเรโตโกะ” ในภาษาของชาวไอนุหมายถึง “ดินแดนสุดขอบโลก” เมื่อปี พ.ศ. 2548 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนพื้นที่บนคาบสมุทรนี้ให้เป็นมรดกโลก นักท่องเที่ยวสามรถมาชมความสวยงามของธรรมชาติ ณ ที่แห่งนี้ได้ รับรองคุ้มค่ากับการเดินทางเป็นอย่างมาก
ทาคายามะ (Takayama)
มัสซูโมโต้ (Matsumoto)
ฮากุบะ มุระ (Hakuba-mura)
โกเบ (Kobe)