สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี

สุพรรณบุรี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำท่าจีน แถบบริเวณตำบลรั้วใหญ่ไปจดตำบลพิหารแดง เดิมมีชื่อว่า ทวารวดีศรีสุพรรณภูมิ หรือ พันธุมบุรี  ต่อมาพระเจ้ากาแตได้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ที่ฝั่งขวาของแม่น้ำ แล้วโปรดให้มอญน้อยไปสร้างวัดสนามชัย และบูรณะวัดป่าเลไลยก์ ชักชวนให้ข้าราชการจำนวน 2,000 คนบวช จึงขนานนามเมืองใหม่ว่า สองพันบุรีครั้งถึงสมัยพระเจ้าอู่ทอง ได้สร้างเมืองมาทางฝั่งใต้หรือทางตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ชื่อเมืองเรียกว่า อู่ทอง จวบจนสมัยขุนหลวงพะงั่ว เมืองนี้จึงเรียกว่าชื่อว่าสุพรรณบุรีนับแต่นั้นมา

ความสำคัญของสุพรรณบุรีในด้านประวัติศาสตร์การกอบกู้เอกราชไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้แก่ ชัยชนะแห่งสงครามยุทธหัตถีที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา ณ สมรภูมิดอนเจดีย์ เป็นมหาวีรกรรมคชยุทธอันยิ่งใหญ่ที่ได้ถูกจารึกไว้ และมีการจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ ในด้านวรรณคดี เป็นเมืองต้นกำเนิดแห่งตำนาน “ขุนช้างขุนแผน”

ภูมิประเทศส่วนใหญ่ของสุพรรณบุรีเป็นที่ราบต่ำติดชายฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรี (แม่น้ำท่าจีน) ด้านตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่ราบลุ่มของแม่น้ำสุพรรณบุรี (แม่น้ำท่าจีน)  จึงใช้เป็นพื้นที่ปลูกข้าว ส่วนทางด้านเหนือและทางตะวันตกมีทิวเขาขนาดเล็ก

การเดินทางไปจังหวัดสุพรรณบุรี

ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร สามารถเลือกใช้เส้นทางหลวงสาย 340  เริ่มจากบางใหญ่ ตรงมาตามถนนวงแหวนตะวันตก ผ่านห้างบิกคิงส์ คาฟูร์-ทางเข้า อ.ไทรน้อย ให้เตรียมชิดซ้าย คอยมองป้ายทางไปจังหวัดสุพรรณบุรี ตามป้ายแยกซ้ายมือ แล้วขับตรงตลอดไปอีกราว 70 ก.ม. ก็จะถึงตัวเมืองสุพรรณบุรี

หากเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ สามารถเลือกใช้เส้นทางตามความสะดวกได้ดังนี้
กรุงเทพฯ-บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ระยะทาง 107 กิโลเมตร
กรุงเทพฯ- นนทบุรี-บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ระยะทาง 107 กิโลเมตร
กรุงเทพฯ-ปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สุพรรณบุรี ระยะทาง 115 กิโลเมตร
กรุงเทพฯ-อยุธยา-สุพรรณบุรี ระยะทาง 132 กิโลเมตร
กรุงเทพฯ-สิงห์บุรี-เดิมบางนางบวช-สุพรรณบุรี ระยะ ทาง 228 กิโลเมตร
กรุงเทพฯ-อ่างทอง-สุพรรณบุรี ระยะทาง 150 กิโลเมตร
กรุงเทพฯ-นครปฐม-กำแพงแสน-สุพรรณบุรี ระยะทาง 164 กิโลเมตร

หากท่านใดที่ไม่มีรถส่วนตัวและต้องการเดินทางไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี ก็ยังมีรถสาธารณะให้เลือกใช้บริการ อย่างเช่น ทางรถโดยสารประจำทาง  สถานีขนส่งสายเหนือ สถานีขนส่งสายใต้ สถานีขนส่งสุพรรณบุรี,ทางรถไฟ สถานีรถไฟหัวลำโพงหรือใกล้เคียง ไปสถานีรถไฟจังหวัดสุพรรณบุรี มีบริการทุกวัน วันละ 1 เที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.

หรือท่านใดที่สะดวกจะใช้บริการรถตู้โดยสาร ก็มีให้บริการในหลายๆจุด ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 100 บาทใครที่อยากหาสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง แนะนำให้ลองมาเที่ยวยังจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะที่นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทาง แถมยังเดินทางมาสะดวกอีกด้วย

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเมื่อมาถึงจังหวัดสุพรรณบุรี

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่เที่ยวสุพรรณ

วัดป่าเลไลยก์

เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี (แม่น้ำท่าจีน) มีเนื้อที่กว้าง 82 ไร่ 1 งาน ภายในมีพระประธานของวัดคือที่สำคัญคือ  พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ หรือที่เรียกกันว่า  “หลวงพ่อโตวัดป่าไลไลยก์” นอกจากนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน,เรือนขุนช้าง

เป็นเรือนไทยแบบโบราณ สร้างด้วยไม้สักหลังใหญ่และกว้างขวาง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ต่อไป นักท่องเที่ยวที่ไปสามารถเดินชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆภายในบริเวณวัด ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี

วัดไผ่โรงวัว

สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2469 ต่อมา หลวงพ่อขอม  ได้ดำเนินการก่อสร้าง “พระพุทธโคดม” เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 17 ปี ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับพุทธศาสนา ได้แก่  “สังเวชนียสถาน 4 ตำบล”  คือสถานที่ที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน วรรณคดีและประวัติศาสตร์ อีกทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัตินรกภูมิ

นอกจากนี้ยังมี  “พระธรรมจักร” หล่อด้วยทองสำริดใหญ่ที่สุดในโลก ,”ฆ้องและบาตร” ใหญ่ที่สุดในโลก ,”พระกะกุสันโธ” พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ,”พระวิหารร้อยยอด” อีกทั้งสิ่งก่อสร้างอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย วัดนี้จึงมีพุทธศาสนิกชน และบุคคลทั่วไป นิยมไปเที่ยวชมและสักการะบูชากันเป็นจำนวนมาก

วัดเขาทำเทียม

เป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณ สันนิษฐานว่าจะเป็นวัดแห่งแรกในประเทศไทย มีชื่อเรียกหลายชื่อ  ซึ่งแปลว่า ที่อยู่ของนักปราชญ์ผู้ฉลาดในธรรม  บริเวณรอบๆวัด มีศาสนวัตถุ ที่อยู่ในบริเวณวัด ประกอบด้วยพระอุโบสถเก่าฐานเจดีย์ที่สร้างในสมัยอยุธยา และพระพุทธรูปเก่าๆ  และอื่นๆอีก ปัจจุบันถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์

นอกจากนี้ยังมีเสมาธรรมจักร ที่สมบูรณ์ที่สุด สวยงามที่สุด ขุดค้นพบในในปี พ.ศ.2519 โดยนายธนิต อยู่โพธิ์ อธิบดีกรมศิลปากรในสมัยนั้นจุดเด่นที่สำคัญเลยนั้นก็คือ พระพุทธรูปแกะสลักภูผาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดหน้าตัก 65 เมตร สูง 84 เมตร มีพระนามว่า สมเด็จพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือ หลวงพ่ออู่ทอง ปางมารวิชัย ศิลปะอู่ทอง 1

วัดพระนอนและอุทยานมัจฉา

สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ อยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน ภายในวัดมีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์สลักจากหิน มีลักษณะแปลกกว่าที่อื่น คือ เป็นพระพุทธรูปอยู่ในลักษณะนอนหงายขนาดเท่าคนโบราณ ยาวประมาณ 2 เมตร ลักษณะคล้ายกับพระนอนที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

และยังมีอุทยานมัจฉาอยู่บริเวณริมน้ำหน้าวัด ซึ่งมีปลานานาชนิดอาศัยอยู่มากมาย ทั้งปลาสวาย ปลาตะเพียน ปลาแรด ซึ่งทางวัดประกาศเป็นเขตอภัยทาน อีกทั้งบริเวณวัดยังปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ผลและไม้ประดับ ทำให้บริเวณวัดนั้นร่มรื่นสวยงาม และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้ที่มา นอกจากนี้ที่นี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งในสถานที่ Unseen Thailand อีกด้วย

พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์

ทางกองทัพบกได้บูรณะปฏิสังขรณ์องค์เจดีย์ขึ้นใหม่  โดยสร้างเป็นเจดีย์แบบลังกาทรงกลมใหญ่ สูง 66 เมตร  ฐานกว้างด้านละ 36 เมตร  ครอบเจดีย์องค์เดิม  ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ได้เสด็จทรงประกอบพิธีบวงสรวงและเปิดพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์แห่งนี้

ภายในองค์เจดีย์ได้มีการสร้างห้องแสดงประวัติศาสตร์ ทั้งภาพแสงสีเสียง  และหุ่นจำลองการยกทัพของพม่าและไทยหลายร้อยตัว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาสามรถเดินชมบริเวณโดยรอบได้อีกด้วย เป็นสถานที่ได้ทั้งความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไทยในอดีตและเพลิดเพลินกับการเข้ามาชมในส่วนต่างๆของคนรุ่นหลังอีกด้วย

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี (มังกรสวรรค์)

เป็นอีกหนึ่งสถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร ซึ่งหลายคนเชื่อว่าหากได้มายังจังหวัดสุพรรณบุรีแล้วไปกราบไหว้บูชา จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 20 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2539 ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ของจีน แบ่งเป็นห้อง 18 ห้อง เปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 299 บาท เด็ก 149 บาท

อีกทั้งยังมี หมู่บ้านมังกรสวรรค์  ที่ได้จำลอง “เมืองลีเจียง”ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่โบราณอายุนับพันปี ที่มีรูปแบบที่สวยงามจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลก นักท่องเที่ยวสามารถไปเดินชมความสวยงามพร้องเก็บภาพสวยๆเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย เสมือนท่านได้ไปเดินอยู่ในเมืองจีนเลยก็ว่าได้

หอคอยบรรหาร – แจ่มใส

เป็นหอคอยแห่งแรกและสูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงถึง 123.25 เมตร มีชั้นสำหรับชมวิวในระดับสูงสุด 78.75 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี ด้านบนหอคอยได้มีการติดตั้งกล้องส่องทางไกลไว้รอบด้าน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวได้โดยรอบนอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองสุพรรณบุรี ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วรรณคดี ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และเรื่องราวน่ารู้ของของจังหวัดสุพรรณบุรีไว้ทั้งหมดไว้อีกด้วย และมีร้านขายของที่ระลึกและอาหารว่างไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่มา

บริเวณด้านล่าง คือสวนเฉลิมภัทรราชินี มีสวนประดับด้วยดอกไม้นานาพันธุ์  สวนปาล์ม สวนน้ำพุ ธารน้ำตก สไลเดอร์ สนามเด็กเล่น ที่ผู้ที่มาจะได้เพลิดเพลินกับลีลาของน้ำพุดนตรี ที่โลดเล่นตามจังหวะของดนตรี ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ค่าขึ้นชมหอคอยบรรหาร-แจ่มใส เวลา 10.00-18.00 น. ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท และหลังเวลา 18.00 น. ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนค่าเข้าสวนเฉลิมภัทรราชินี ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท  เปิดให้เข้าชม วันอังคาร – ศุกร์  10.00-19.00 น./วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์  10.00-20.30

บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ

ยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่  เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1 – 3 เมตร บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 และในปี พ.ศ. 2541

ภายในมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายเช่น โซนสวนสัตว์และโซนสัตว์น้ำ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 อาคาร ซึ่งภายในแต่ละอาคารจะแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ รวบรวมพันธุ์ปลาน้ำจืด ปลาสวยงามและพันธุ์ปลาหายาก เอาไว้ให้ผู้ที่มาได้ศึกษา ไฮไลท์ที่สำคัญเลยนั้นก็คือ อุโมงค์ปลาน้ำจืด ซึ่งเด็กๆจะสนุกสนานเพลิดเพลินในส่วนนี้เป็นอย่างมาก เสมือนว่าได้เดินอยู่โลกใต้น้ำนั้นเอง

อัตราค่าเข้าชมสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ค่าเข้าชมอาคารหลังที่ 1 อาคารหลังที่ 2 ชมบ่อจระเข้ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท // ค่าเข้าชมอาคารหลังที่ 3 (สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล) ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท วันจันทร์ – วันศุกร์ เปิดให้ชมเวลา 08.30 – 16.30 น. // วันเสาร์ – วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดให้ชม เวลา 08.30 – 17.00 น.

ตลาดสามชุกตลาดร้อยปี

ในอดีตเป็นท่าเรือทางการค้าที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางของจังหวัด ผู้ที่เดินทางจากตัวเมืองไปอำเภออื่นๆที่เลยออกไป จำเป็นต้องหยุดพักที่สามชุก เพราะได้เวลาค่ำพอดี นอกจากนั้นยังเป็นที่ที่พวกกระเหรี่ยงนำของจากป่า บรรทุกเกวียนมาขายให้พ่อค้าทางเรือและซื้อของจำเป็นกลับไป  บรรยากาศโดยรอบยังคงความเป็นตลาดเก่าที่สร้างด้วยไม้เรียงติดกันอยู่ริมฝังตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน

สะท้อนภาพวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนให้ได้เห็น จึงเป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยือน ภายในตลาด มีร้านอาหาร ของฝากของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว ได้เลือกซื้อกลับไปอย่างมากมายหลากหลาย ใครที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ความเรียบง่ายในอดีตก็สามารถลองแวะมาเยี่ยมชมได้ที่ตลาดสามชุกแห่งนี้นั้นเอง

หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย

จัดขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็นภาพชีวิตชาวนาชนบทไทย่ดั้งเดิม ภาพการทำนาที่ไม่ใช้เครื่องจักรทันสมัย “คนกับควาย ทุ่งนากับควาย” เป็นสิ่งที่จะขาดไม้ได้ในแถบนี้ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยได้รวบรวมสิ่งเหล่านี้ไว้สำหรับการศึกษาด้านการเกษตรกรรมอย่างพร้อมเพรียงเพื่อนักเรียน-นักศึกษาและนักท่องเที่ยวที่มาจะได้ศึกษาหาความรู้ต่างๆ ของการทำนา การทำเกษตรกรรมแบบชาวนาชนบทอย่างเรียบง่ายๆโดยร่วมกับการใช้ควายในการทำนา

นอกจากนี้ยังมีการแสดงโชว์ควายแสนรู้ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่มา เป็นต้องห้ามพลาดไปชมแน่นอน เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลาเปิด เวลา 09.00 – 18.00 น. ราคาค่าเข้าชมสถานที่ สำหรับคนไทย บัตรแยกตามจุด ค่าเข้าชมสถานที่ ผู้ใหญ่ 30 บาท / ท่าน เด็ก 20 บาท / ท่าน , ค่าชมโชว์ ผู้ใหญ่ 20 บาท / ท่าน เด็ก 10 บาท / ท่าน , ค่านั่งเกวียน ผู้ใหญ่ 20 บาท / ท่าน เด็ก 10 บาท / ท่าน

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

ตั้งอยู่ริมถนนสาย สุพรรณ-ชัยนาท (340) บริเวณศูนย์ราชการใหม่จังหวัดสุพรรณบุรี  จัดตั้งขึ้นตามโครงการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประจำเมืองเมื่อปี พ.ศ. 2538 เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านโบราณคดี นำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ลักษณะอาคารเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ 2 ชั้น ภายในมีพื้นที่ประมาณ 3,200  ตารางเมตร

ประกอบไปด้วย ส่วนสำนักงาน ห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวร ห้องนิทรรศการชั่วคราว ห้องประชุม-สัมมนา ห้องคลังเก็บโบราณวัตถุ ห้องศูนย์ข้อมูลเพื่อการค้นคว้า และส่วนให้บริการ-ประชาสัมพันธ์ วันเวลาเปิดทำการ วันพุธ-วันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. อีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพื่อการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดสุพรรณบุรี

สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค

เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่อยู่ภายใต้การดูแลของวนอุทยานพุม่วง โดยความร่วมมือกับชาวชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อเป็นเกราะป้องกันการทำลายและแสวงหาประโยชน์ จากทรัพยากรณ์อันทรงคุณค่านี้ โดยได้จัดเส้นทางพาชมความงดงาม  และหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักเดินทางท่องเที่ยวที่มาจะมีจิตสำนึกในธรรมชาติ ช่วยกันอนุกรักษ์ไม้โบราณเหล่านี้ให้คงอยู่สืบต่อไป

ภายในมีป่าปรงพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์อายุนับ 1000 ปี และหินตั้ง ที่สันนิษฐานว่า มนุษย์ยุคโบราณนำหินมาวางซ้อนกันไว้ เพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมา  เหมาะเป็นอย่างมากแก่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติ ถ้าหากมาท่องเที่ยวที่นี้แล้วจะประทับใจในความงดงานที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้ให้เราชมแน่นอน

เขื่อนกระเสียว

พื้นที่กักเก็บน้ำบนเนื้อที่ 28,750 ไร่  เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำสร้างกั้นลำห้วยกระเสียว มีความยาว 4,250 เมตร และสูง 32.5 เมตร อีกทั้งที่นี้ยังเป็นเขื่อนดินที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่มาจะมาชมทิวทัศน์ความสวยงามรอบเขื่อน ส่วนช่วงกลางวันอากาศค่อนข้างร้อน แต่ช่วงเย็นอากาศดีมาก

โดยเฉพาะจุดตั้งแค้มป์ริมเขื่อนเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวไปเก็บภาพสวยๆบริเวณนั้น นอกจากนี้ยังมีบริการจุดกางเต็นท์ ริมเขื่อน เหมาะกับการกางเต็นท์พักแรมในหน้าหนาวเป็นอย่างมาก และแพกระเสียว แพชาวเขื่อน ฯ ไว้คอยบริการสำหรับผู้ที่อยากมาพักแรมอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่แวะมายังจังหวัดสุพรรณบุรีจึงนิยมแวะมาเที่ยวชมความสวยงามของที่นี้อีกด้วย

อุทยานแห่งชาติพุเตย

จัดตั้งขึ้นเนื่องจากกรมป่าไม้เห็นว่าพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์บางส่วนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีเนื้อที่  198,422 ไร่ สภาพป่าอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารในการเกษตร มีทิวทัศน์สวยงามและสัตว์ป่าชุกชุม ลักษณะภูมิประเทศ จุดสูงสุดที่ยอดเขาเทวดา ระดับความสูง 1,123 เมตร เป็นต้นน้ำลำธารซึ่งไหลลงอ่างเก็บน้ำลำตะเพิน พันธุ์ไม้และสัตว์ป่ามีสภาพเป็นป่าดิบชื้น สัตว์ที่มีเป็นจำนวนมากในพื้นที่ได้แก่ เลียงผา นกเงือก ชะนี ลิงลม

สภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิเฉลี่ยโดยทั่วไปประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส แต่ในฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิประมาณ 10 – 15 องศาเซลเซียส  และที่หมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่นั้นมีอุณหภูมิประมาณ 5-6 องศาเซลเซียส ทำให้ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวนิยมมากางเต้นและสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติแห่งนี้นั้นเอง

อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง (ปางอุ๋งสุพรรณ)

เกิดจากความร่วมมือของชุมชน ช่วยกันพัฒนา และดูแลพื้นที่ป่าของหมู่บ้าน ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย และเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแห่งใหม่ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่มีความสวยงามไม่แพ้กับปางอุ๋งที่แม่ฮ่องสอน จึงได้ชื่อว่า ปางอุ๋งสุพรรณ ใครที่อยากสัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงามอย่างนี้ไม่ต้องไปไกลถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว เพราะที่สุพรรณก็มีให้ชม ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่มาสามารถมาทำกิจกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็น กางเต็นท์ ตกปลา ถ่ายรูปสวยๆ หรือจะมาพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัวก็ได้

ที่อ่างเก็บน้ำเขาวงจะไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ แต่ในตอนกลางคืนก็จะมีตะเกียงคอยให้แสงสว่างแก่นักท่องเที่ยวตลอดคืน สัญญาณโทรศัพท์ก็ใช้ได้ของบางค่ายบางจุดแต่มีสัญญาณน้อยมาก ส่วนใหญ่โทรไม่ได้ ห้องน้ำมี 8 ห้อง อาหารมีร้านขายสิ่งของจำเป็น ของที่ระลึกของขุมชน และอาหารตามสั่งแบบง่ายๆ ถ้าวันไหนคนเยอะอาจจะต้องรอคิวนาน ทางที่ดีเตรียมของกินเผื่อไว้ก็จะดี อ่างเก็บน้ำหุบเขาวงจะปิดเพื่อให้ธรรมชาติพักฟื้น ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 11 สิงหาคม 2559  นักท่องเที่ยวที่จะไปควรวางแผนให้ดีก่อนการเดินทาง

อัตราค่าบริการ ค่าบริการตกปลาหน้าท่า คันละ 20 บาท ค่าสถานที่กางเต็นท์ๆ ละ 50 บาท (+ ค่าอาหาร เย็น+เช้า รวมท่านละ 250) ค่าเช่าเต็นท์ๆละ 150 บาท (+ ค่าอาหาร เย็น+เช้า รวมท่านละ 350) ค่าเช่าแพเล็กหลังละ 400 บาท (+ ค่าอาหาร เย็น+เช้า รวมท่านละ 200) ค่าเช่าแพใหญ่หลังละ 2000 บาท (+ ค่าอาหาร เย็น+เช้า รวมท่านละ 200)จำนวนแพให้บริการ แพใหญ่ 1 หลัง และแพเล็ก 5 หลัง

อาหารขึ้นชื่อในจังหวัดสุพรรณบุรี

นักท่องเที่ยวหลายคนที่มาเยือนยังจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นต้องหารอาหารอร่อยประจำถิ่นลิ้มลองกัน ไม่งั้นจะเสียดายโอกาศเป็นอย่างมาก เมนูที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสุพรรณบุรีนั้นก็คือ เมนูเรื่องกุ้งที่เป็นที่โดดเด่นไม่แพ้กันเลยที่เดียวอย่าง กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆเพราะกุ้งบริเวณแม่น้ำท่าจีนนี้ตัวใหญ่ถึงใจและมีรสชาติอร่อยเลยทีเดียว

ส่วนปลาที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดสุพรรณบุรีอย่าง ปลาม้า ที่ถึงขั้นมีอำเภอชื่อ บางปลาม้า ความพิเศษของปลาชนิดนี้คือสามารถส่งเสียงร้องได้เหมือนม้า จึงเป็นที่มาของชื่อ นอกจากนี้ปลาม้ายังสามรถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนูอย่างเช่น ปลาม้าแดดเดียว ปลาม้าทอดกระเทียม ปลาม้าทอดสมุนไพรกรอบ ปลาม้านึ่งมะนาว ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่ได้มาลิ้มลอง

และสุดท้ายขของฝากยอดนิยมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสุพรรณบุรี นั้นก็คือ ขนมสาลี่สุพรรณ ที่มีรสอร่อยหอมนุ่มละมุนลิ้น หวานพอดีๆ ใครที่มีโอกาศได้มายังจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากด้วยทุกครั้ง ใครที่มีโอกาศแวะมาก็อย่าลืมไปหาอาหารอร่อยๆของที่นี้รับประทานกันดู เพราะยังมีอาหารอร่อยอีกมากมายหลายเมนูให้ได้ลิ้มลองกัน

Summary
Review Date
Reviewed Item
สถานที่ท่องเที่ยวสุพรรณบุรี
Author Rating
51star1star1star1star1star