สถานที่ท่องเที่ยวหมูยเน่-เวียดนาม

หมูยเน่อยู่ในเขตเมืองฟานเที๊ยต จังหวัดบิญถ่วน เมืองหลักของจังหวัด ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเวียดนาม แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ และด้วยเพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในเมืองใหญ่ แต่ปี พ.ศ. 2538 จึงทำให้มีผู้คนหาที่พักผ่อนกันมากขึ้น และที่นี้เลยกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการมาพักผ่อน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากเมืองโฮจิมินห์ ห่างกันประมาณ 200 กิโลเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส สภาพภูมิอากาศร้อนและแห้งเกือบตลอดทั้งปี

อีกทั้งยังมีชายหาดและทะเลที่สวย และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมายอย่างเช่น ทะเลทรายแดง ทะเลทรายขาว แฟรี่สตรีม เป็นต้น ปัจจุบันหมูยเน่กลายเป็นเมืองพักตากอากาศชายทะเลแบบเต็มตัว เพียบพร้อมไปด้วย ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า บาร์ และอีกมากมาย ตลอดจนกิจกรรมต่างๆทางทะเลอย่าง ไคต์เซิร์ฟ (ว่าวโต้คลื่น) และวินด์เซิร์ฟ ไว้คอยบริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาอย่างครบถ้วนเลยที่เดียว

การเดินทางมาหมูยเน่ Mui ne – Vietnam

จากโฮจิมินห์ สามารถซื้อตั๋วรสบัสมาหมูยเน่ได้ที่บริษัทเดอะซิญทัวร์ริส https://www.thesinhtourist.vn  แนะนำให้มาซื้อของที่นี้ซึ่งบริษัทนี้มีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก ไม่เสี่ยงแก่การถูกหลอก และมีสาขาอยู่มากมายในเวียดนาม รวมทั้งการติดต่อซื้อทัวร์เที่ยวตามเมืองต่างๆ ลองเข้าไปสอบถามราคากันก่อน และพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้อีกด้วย

ช่วงฤดูการท่องเที่ยวของเวียดนาม จะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในหมูยเน่-เวียดนาม ที่น่าสนใจ

ทะเลทรายขาว (White Sand Dunes)

สุดยอดทะเลทรายหนึ่งเดียวของตะวันออกเฉียงใต้ จนได้ฉายาว่า”สะฮาร่าในเอเซีย” มีพื้นที่ 65 ตรางกิโลเมตร นักวิชาการได้สันนิฐานว่าพื้นที่นี้อาจจะเคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน พอเปลือกโลกดันตัวขึ้นพื้นที่นี้ก็เลยกลายเป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่อย่างที่เห็นนั้นเอง ถึงที่นี้จะใหญ่สู้ทะเลทรายจากที่อื่นๆไม่ได้ แต่เนินทรายที่นี้ผ่านกระบวนการทางธรรมชาติ ใช้เวลาทับถมกันมาเป็นพันๆปี บวกกับแรงลมที่พัดเหนือพื้นทรายทำให้เกิดเป็นริ้วทรายที่สวยงาม ที่นี้จึงเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพากันมาชมความน่าอัศจรรย์ของทะเลทราย แห่งนี้ไม่ขาดสาย

ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกหนึ่งอย่างของที่นี้นั้นก็คือ การเปลี่ยนสีของทรายตามช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งเกิดจากการดูดซับแสงของทราย หากใครที่มาเที่ยวช่วงเช้าจะเห็นสีของพื้นทรายเป็นสีทอง  ส่วนใครที่มาเที่ยวช่วงบ่ายจะเป็นสีขาวสะอาดตัดกับสีครามจากท้องฟ้า และใครที่มาเที่ยวช่วงเย็นจะเห็นสีของพื้นทรายเป็นสีส้มพร้อมพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งแต่ละช่วงเวลาจะให้ความรู้สึกและบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป

แม้บริเวณทะเลทรายแห่งนี้จะเป็นพื้นที่แห้งแล้ว แต่ก็ยังมีบ่อน้ำและทะเลสาบให้เห็นอยู่รอบๆอีกด้วยการจะเข้าไปชมนั้นจะมีรถ เอทีวี ,รถจิ๊ป ไว้คอยบริการ ใครที่ขับไม่เป็นก็จะมีเจ้าหน้าที่ขับให้ ส่วนเรื่องราคาสามารถไปตกลงกันได้หน้างาน ไม่แนะนำให้เดินเพราะระยะทางค่อนข้างไกลจะทำให้เหนื่อยและเสียเวลา เนื่องจากอากาศร้อนมากด้วย

ทะเลทราแดง  (Red Sand Dunes)

อยู่ห่างจากตัวเมืองไป 2 กิโลเมตร มีขนาดเล็กกว่าทะเลทรายขาว ลักษณะจะเป็นเหมือนพื้นที่เนินทรายขนาดใหญ่ เดินเข้าไปข้างในแล้วจะเห็นเป็นพื้นที่ทะเลทรายที่สวยงาม ทรายของที่นี้จะมีสีส้มเข้ม จึงได้ชื่อว่าทะเลทรายแดง หลังจากที่เที่ยวกันมาทั้งวันแล้ว สามารถมานั่งเล่นพักผ่อนคลายความเหนื่อยกันได้ที่นี้ มีลมพัดเย็นสบายเนื่องจากอยู่ติดกับทะเล

กิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของที่นี้นั้นก็คือแผ่นสไลด์ เป็นเหมือนกับแผ่นพลาสติกบางๆ โดยมีเด็กๆจากที่นี้จะนำมาเสนอให้เช่าไปเล่นกัน ซึ่งราคาก็ไม่แพงมากนัก ในจุดนี้สามารถมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามได้อีกด้วย นับเป็นสถานท่องเที่ยวที่สำคัญของที่นี้ หากใครแวะมาคงต้องห้ามพลาดที่จะแวะมาเที่ยวเมืองหมูยเน่กัน

แฟรี่สตรีม (Fairy Stream)

มีลักษณะเป็นเนินดินทรายสูงๆ คล้ายกับแพะเมืองผีในจังหวัดแพร่ของไทย จากทางเข้าจะมีธารน้ำไหลช้าๆไปตลอดตามทางเดิน นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปชมจะต้องถอดรองเท้าเดินลุยน้ำเข้าไป สองข้างทางจะเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นสลับกัน ไฮไลท์ที่สำคัญของที่นี้คือการขึ้นไปถ่ายภาพจากมุมสูง ซึ่งจะมองเห็นเนินผาสีส้มตัดกับสีเทาของหินผา สวยงามและโดดเด่นมาก

ด้านในจะมีแผงขายของที่ระลึกเล็กๆของชาวบ้าน ของที่ระลึกที่น่าสนใจคือทรายที่เอามาทำเป็นลวดลายอยู่ในขวดแก้ว ขากลับจะมีจุดล้างเท้าอยู่ด้านบนติดกับร้านค้าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวให้ได้ล้างเท้ากัน หลังเที่ยวชมแฟรี่สตรีมเสร็จแล้วใครที่เดินชมมาเหนื่อยๆจะแวะซื้อน้ำอ้อยสดเย็นจากร้านค้าด้านบนก็ได้ ราคาไม่แพงดื่มกันให้คลายร้อนไปเลย

หมู่บ้านชาวประมง  (Fishing Village)

อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของที่นี้ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวหมูยเน่ นักท่องเที่ยวที่มาจะเห็นความสวยงามและสีสันของเรือหาปลาท้องถิ่น ที่จอดอยู่เรียงรายมากมายในบริเวณนี้ตัดกับสีของน้ำทะเล และความแปลกอีกอย่างของเรือที่นี้นั้นก็คือ”เรือกระด้ง”จะมีลักษณะกลมๆเหมือนกะละมังขนาดใหญ่บางลำใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน บางลำใช้ไม้พาย ภายในสามารถนั้งได้หลายคนอยู่เหมือนกัน เปรียบเสมือนเรือเล็กของชาวประมงที่นี้

ส่วน กุ้ง หอย ปู ปลา ที่หามาได้นั้นจะนำไปขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าแถวตลาดในเมือง บ้างก็นำมาขายกันในตลาดท้องถิ่น อาหารทะเลที่นี้จะมีความสดเป็นอย่างมากเนื่องจากอยู่ติดทะเล อีกอย่างชาวเวียดนามเชื่อว่าการกินหอยจะทำให้เส้นเอ็นต่างๆในร่างกายแข็งแรงอีกด้วย

ซีลิงกส์ซิตี้ ไวน์แคสเซิล  (Sea Link City Wine Castle)

ปราสาทไวน์ทรงยุโรปสไตล์ตะวันตกแห่งแรกของเวียดนามที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาปาวัลเลย์ในสหรัฐอเมริกา อาคารด้านนอกตกแต่งแบบปราสาทกึ่งเทพนิยาย มีไร่องุ่นและสวนหย่อมอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าปราสาท ด้านในมีทั้งหมด 3 ชั้น เริ่มจากชั้นใต้ดิน จัดเป็นนิทรรศการไวน์ชมวิดิทัศน์บรรยายเกี่ยวกับไวน์รวมทั้งชิมไวน์ เดินออกมาห้องถัดไปจะเป็นพื้นที่เก็บไวน์ สาธิตการผลิตไวน์และกระบวนการกลั่นไวน์ เป็นแบบจำลองให้ได้ชมกัน

ต่อมาชั้นที่1 เป็นพื้นที่จำหน่ายไวน์ หลากหลายรสชาติ และเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงของที่นี้ อุปกรณ์ต่างๆเกี่ยวกับไวน์ทั้งแท่นโชว์ไวน์ ที่เปิดไวน์ แก้วไวน์ และอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมกันได้ และชั้นสุดท้าย ชั้น 2  เป็นพื้นที่สวนผลไม้ขนาดย่อมและคาเฟ่บาร์ นักท่องเที่ยวสามารถไปชมบรรยากาศความสวยงามของตัวปราสาทและไร่องุ่นแบบมุมสูงได้กัน ณ บริเวณนี้นั้นเอง

ปราสาทโพชานุ  (Po Shanu Cham Tower)

ของอาณาจักรจามโบราณ ในสมัยศตวรรษที่ 9 ที่ใช้ศิลปะแบบฮวาไร Hoa lai เพื่ออุทิศให้กับพระศิวะ ภายในบริเวณประกอบไปด้วยอาคาร 3 หลัง ตัวปราสาทหลังใหญ่ยังคงหลงเหลือโครงสร้างที่สมบูรณ์

ด้านในมีศิวะลึงและฐานโยนีอยู่ด้วยใครที่ได้มาเที่ยวชมที่นี้แล้วจะให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับปราสาทเมืองต่ำของไทย แต่พื้นที่ของที่นี้จะไม่กว้างมากนัก อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในหมูยเน่

ตลาดฮัมเตี๋ยน  (Ham Tien Market)

เป็นตลาดสดท้องถิ่นของเมืองฟานเที๊ยต เปิดกันตั้งแต่ช่วงเช้า ถึงเที่ยงๆ ด้านในมีพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นคนท้องถิ่นของที่นี้จะนำผักสด ผลไม้สด เนื้อสัตว์ต่างๆ กุ้ง หอย ปู ปลา หน้าตาแปลกมาวางกองขายแบบ “แบกับดิน” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนท้องถิ่นนั้นเอง นักท่องเที่ยวบางส่วนมีกจะชอบมาชมวิถีชีวิตชาวบ้านแบบท้องถิ่น ซึ่งที่นี้ก็มีให้เห็นเหมือนกัน

และเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมของผู้คนที่นี้อีกอย่างนั้นก็คือ น้ำอ้อยคั้นสด จะมีแบบใส่มะนาวและไม่ใส่มะนาว ซึ่งจะใช้อ้อยคั้นกันแบบสดๆไม่เติมน้ำตาลหรือว่าเจือน้ำเปล่า ราคาไม่แพงอีกด้วย สามารถซื้อหาลองชิมกันได้ทั่วไปตามร้านค้าริมทาง จุดสังเกตุจะเป็นตู้คั้ยน้ำอ้อยสดอยู่ด้านหน้า แม่ค้าจะคั้นให้เราแบบแก้วต่อแก้วเลยที่เดียว

นอกจากนี้ยังมีร้านขายอาหารแบบแผงลอยในตลาดเล็ก มีหลากหลายเมนูตั้งแต่ของคาวไปจนถึงของหวาน หากใครไปเดินช่วงเช้าคนจะค่อยข้างเยอะนิดนึงเพราะมีผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของกันมากในช่วงเวลานี้ นักท่องเที่ยวท่านใดที่อยากลองสัมผัสกับบรรยากาศท้องถิ่น สามารถลองแวะมาเยี่ยมชมได้ ตลาดสดของเวียดนามนั้นเอง

ถนนสายซีฟู้ด (Sea Food Street)

ตั้งอยู่บน ถนนเหงียนดินห์เจี่ยว (Ngyen dinh  chieu) สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านอาหารซีฟู้ด ซึ่งมีมากมายหลากหลายร้านให้เลือกลิ้มลองกัน วัตถุดิบก็เป็นแบบใหม่ๆสด เพราะเมืองนี้อยู่ติดทะเล หากใครที่มาเที่ยวที่นี้ต้องไม่พลาดที่จะลองอาหารทะเลจากมืองนี้เช่นกัน ส่วนเรื่องราคาก็ไม่แพง มีเมนูมากมายหลากหลาย มาเที่ยวที่นี้แล้วต้องลองรับประทานเมนูหอย ซึ่งมีหอยมากมายหลายชนิด มีความอร่อยที่แตกต่างกัน

เรื่องรสชาติอาหารนั้นจะเป็นสไตล์เวียดนามใครที่ติดรสจัดหรือรสชาติอาหารไทยอาจจะไม่คุ้นลิ้นนัก นอกจากนี้ยังมีร้านหารอื่นๆอีกที่อยู่ในระแวกเดียวกัน ลองไปชิมดูหลายๆร้านแล้วจะรู้ถึงความแตกต่างของอาหารท้องถิ่น มาเที่ยวเวียดนามต้องกินอาหารเวียดนามจึงจะเข้ากับบรรยากาศในการท่องเที่ยวนั้นเอง