สถานที่เที่ยวเชียงใหม่ในตัวเมือง และใกล้ตัวเมือง
เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทยเป็นเมืองที่มีขนบ ธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์สวยงามแบบชาวล้านนา ที่คนเชียงใหม่ได้สั่งสมวัฒนธรรมประเพณีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีความผูกพันกับพุทธศาสนาและความเชื่อดั้งเดิมของชาวเมือง เชียงใหม่ นอกจากนี้เชียงใหม่ยังมีชื่อปรากฏในตำนานว่า “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1839 โดยพญามังรายเป็นผู้ทรงสร้าง
จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของภาคเหนือและเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากจังหวัดนครราชสีมา มีภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยคือดอยอินทนนท์ สูงประมาณ 2,565 เมตร สภาพพื้นที่แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ พื้นที่ภูเขาและพื้นที่ราบลุ่มน้ำและที่ราบเชิงเขา
การเดินทางมาโดยรถยนต์เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงพหลโยธิน ผ่านอยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำปาง ลำพูน ถึงเชียงใหม่ระยะทางประมาณ 695 กิโลเมตร หรืออีกทางหนึ่งคือจากนครสวรรค์ ไปตามทางหลวง หมายเลข1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก และลำปางถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 696 กิโลเมตร
หรือหากนักท่องเที่ยวท่านใดไม่สะดวกในการขับรถไปนั้น ยังมีตัวเลือกอื่นในการเดินทางให้อีกอาทิเช่น รถไฟ มีรถด่วน และรถเร็ว ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ทุกวัน,.รถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง และเครื่องบิน บริการเที่ยวบินประจำระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง สะดวกสบาย ปลอดภัย เดินทางสะดวกและรวดเร็ว
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่
แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ( Wat Phra Singh)
วัดสำคัญในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินล้านนามายาวนานนับตั้งแต่อดีต เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ตั้งแต่สมัยล้านนา พญาผายูกษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟู พระราชบิดา ในปีพ.ศ. 1888 นักท่องเที่ยวสามรถเดินชมความสวยงานภายในบริเวณวัดเช่น
โบสถ์ลักษณะอาคารและการตกแต่งเป็นแบบศิลปะล้านนาโดยแท้, หอไตร เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ และวิหารลายคำ ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” ทุกๆปีเมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ชาวเมืองจะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้แห่ไปตามถนนรอบเมือง เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำโดยทั่วกัน ส่วนมากชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวที่มา จะนิยมเข้าไปกราบขอพรเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต มีความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร (Wat Chedi Luang )
สร้างขึ้นในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย วัดเจดีย์หลวงสร้างอยู่กลางใจเมืองเชียงใหม่ ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการปกครองของอาณาจักรล้านนา ภายในมีพระเจดีย์ความกว้างด้านละ 60 เมตร และสูงประมาณ 80 เมตร สร้างขึ้นเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้พญากือนา พระราชบิดา
ภายในวัดมีสิ่งสักการะหลากหลายตามความเชื่อได้แก่ เจดีย์หลวง อินทขีล ต้นยาง กุมภัณฑ์ พระฤๅษี นักท่องเที่ยวสามรถเข้าไปชมความสวยงามและความเก่าแก่ของเจดีย์ที่อยู่คู่กับชาวเชียงใหม่มานาน เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
วัดสวนดอกวรมหาวิหาร (Wat Suan Dorg)
หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดบุปผาราม” ซึ่งแปลได้ว่า วัดสวนดอกไม้ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดสวนดอก” เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ สร้างขึ้นในภายในเวียงสวนดอก ซึ่งเป็นเขตพระราชอุทยานในสมัยราชวงศ์มังราย
วัดสวนดอกได้รับการบูรณะครั้งสำคัญ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2450 พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญรวบรวมพระอัฐิเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และ พระประยูรญาติ มาประดิษฐานรวมกัน และต่อมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2475 เป็นการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระวิหารโดย ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา
วัดเชียงมั่น (Wat Chiang Man)
มีมาตั้งแต่สมัยแรกสร้างเมืองเมื่อปี พ.ศ. 1839 พญามังรายได้ทรงยกพระตำหนักเชียงมั่นถวายเป็นพระอารามและให้ใช้ชื่อว่า วัดเชียงมั่น จากนั้นได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ช้างล้อมขึ้นบริเวณพื้นที่หอประทับของพระองค์อีกด้วย เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่และถือเป็นวัดแห่งแรกในเขตกำแพงเมือง
สิ่งที่น่าสนใจในวัดวัดเชียงมั่นที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาได้แก่ วิหารหลวงภายในประดิษฐาน พระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) และพระศิลาซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปราบช้างนาฬาคีรี,เจดีย์ช้างล้อม สถาปัตยกรรมล้านนาฐานช้างล้อม องค์เจดีย์ผสมสี่เหลี่ยมและทรงกลมเปิดทองจังโก และหอครูบาศีวิชัย
วัดพระธาตุดอยคำ (Wat Phra That Doi Kham)
วัดเก่าแก่ของชาวเชียงใหม่ที่มีอายุกว่า 1,300 ปี วัดพระธาตุดอยคำสร้างในรัชสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย โดยพระโอรสทั้ง 2 เป็นผู้สร้างในปี พ.ศ. 1230 ประกอบด้วยเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ศาลาการเปรียญกุฏิสงฆ์ และพระพุทธรูปปูนปั้น เดิมชื่อวัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านเรียกว่า”วัดดอยคำ”
บริเวณปากทางขึ้นไปที่วัดนั้นทางด้านขวามือจะมีศาล ปู่แสะ และ ย่าแสะ นอกจากนี้ยังมีลานชมวิวทีสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบเมืองเชียงใหม่ ที่สวยงามดั่งสวรรค์บนดินได้อีกจุดหนึ่ง ภายในยังมีหลวงพ่อทันใจ แห่งวัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยพญากือนา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา จะมาเพื่อขอพรบนบาน แล้วประสบความสำเร็จและได้เดินทางกลับมาถวายดอกมะลิเพื่อแก้บนที่วัดแห่งนี้นั้นเอง
วัดพระธาตุดอยสุเทพ (Wat Phra That Doi Suthep)
ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ หนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์มังราย เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย
แต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของฤๅษี มีนามว่า”สุเทวะ”เป็นภาษาบาลีวึ่งมีความหมายว่า “เทพเจ้าที่ดี” ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า สุเทพ นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงได้ชื่อว่า ดอยสุเทพ ซึ่งมาจากชื่อของฤๅษี สุเทวะฤๅษี นั้นเอง ภายในวัดมีเจดีย์ทรงเชียงแสนซึ่งก่อสร้างตามแบบศิลปะล้านนา นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นบันไดนาคไป 300 ขั้น เพื่อไปยังวัด หรือใช้บริการรถกระเช้าขึ้น-ลง
นอกจากนี้ที่นี้ยังมีประเพณี”เตียวขึ้นดอย”เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีขึ้นก่อนหน้าวันวิสาขบูชา 1 คืน เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากวัดหนึ่งของประเทศไทย ดังนั้นหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ (Bhubing Palace)
พระตำหนักแห่งนี้ ใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรม ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงงาน และเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ รวมทั้งเพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยในโอกาสต่างๆ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไทยประเพณีประยุกต์ ก่ออิฐถือปูน ยกพื้นสูงหลังคาทรงไทย
ภายในประกอบไปด้วยท้องพระโรง ห้องเสวย ห้องบรรทม และห้องสรง สำหรับพระราชอาคันตุกะ ตั้งอยู่คนละด้าน มีเฉลียงใหญ่ และพลับพลาหอนก เป็นที่ประทับทอดพระเนตรทัศนียภาพของเมืองเชียงใหม่ ชั้นบนเป็นที่ประทับ ชั้นล่างเป็นที่อยู่ของมหาดเล็ก และคุณข้าหลวง
นักท่องเที่ยวสามรถเยี่ยมชมความสวยงามตามจุดให้ชมต่างเช่น พระตำหนักพฤกษาวิสุทธิคุณ พระตำหนักสิริส่องภูพิงค์ เรือนปีกไม้ หอนก เรือนรับรองพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ พลับพลาผาหมอน อ่างเก็บน้ำ พระตำหนักพยัคฆ์สถิต สวนสุวรี และหอพระ ไฮไลท์สำคัญของที่นี้คือแปลงกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ที่สวยงามมาก การเข้าเยี่ยมชมนั้นโปรดแต่งกายให้สุภาพและไม่ส่งเสียงดัง
หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง ดอย-ปุย (Doi Pui Hmong Village)
ตั้งงอยู่บนพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ห่างจากพระตำหนักฯไปประมาณ 3 กิโลเมตร แหล่งเรียนรู้วิถีชาวม้งอย่างแท้จริง ภายในหมู่บ้านมีพิพิธภัณฑ์แสดงวิถีชีวิตชาวเขา มีข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวเขาเผ่าต่างๆ บนดอยปุย เช่น แม้ว ม้ง มูเซอ อีก้อ และลีซอ สวนดอกไม้เมืองหนาว สวนน้ำตกดอยปุยซึ่งตกแต่งด้วยพรรณไม้หลากสีนานาชนิด ร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีทั้งสินค้าที่ผลิตภายในหมู่บ้าน
หรือถ้าต้องการเช่าชุดชาวเขาใส่ถ่ายรูป มีให้เช่าที่ด้านหน้าทางเข้าค่าเช่าชุดประมาณคนละ 50 บาท เป็นอีกไฮไลท์สำคัญของนักท่องเที่ยวที่มา นอกจากนี้บริเวณสองข้างทางเดินลงไปยังลานจอดรถนั้น จะมีสินค้าแฮนเมดต่างๆจำหน่าย หากนักท่องเที่ยวมาในช่วงฤดูหนาว ก็อาจจะมีผลไม้เมืองหนาวจำหน่ายเช่น สตอเบอร์รี่ อโวคาโด เป็นต้น
อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย (Kruba Sivichai Monument )
เป็นนักบุญแห่งล้านนาไทยผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงใหม่และบุคคลทั่วไป ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ริเริ่มชักชวนให้ประชาชนชาวเหนือร่วมแรงร่วมใจกันสร้างถนนจากเชิงดอยขึ้นไปสู่วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ โดยเริ่มลงมือ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2478 รวมระยะทาง 10 กม.
อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยตั้งอยู่ทางขึ้นดอยสุเทพ ก่อนถึงน้ำตกห้วยแก้ว ก่อนที่จะขึ้นดอยสุเทพนักท่องเที่ยวมักจะแวะนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเพื่อความเป็นศิริมงคล บริเวณด้านตรงข้ามกับอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยมีดอกไม้ ธูปเทียน จำหน่าย อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมากราบสักการะเมื่อมาเยื่อนจังหวัดเชียงใหม่
สวนสัตว์เชียงใหม่ (Chiang mai Zoo )
ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ บนถนนห้วยแก้ว เป็นสวนสัตว์ในความดูแลขององค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีสัตว์อยู่ในสวนสัตว์จำนวนมาก เช่น เม่น นกยูง นกเงือก เสือโคร่ง ลิง เสือขาว กวาง แรด ฮิปโปเตมัส ช้าง ยีราฟ หมี อีเห็นฯ และไฮไลท์ที่สำคัญเลยนั้นก็คือ หมีแพนด้า ช่วงช่วงและหลินฮุ่ยจากประเทศจีน
นอกจากนี้ยังมีการแสดงความสามารถของสัตว์ เช่น นกมาคอลว์ นาก นกกระทุง และมีส่วนจัดแสดงเพนกวินและแมวน้ำ สวนสัตว์เชียงใหม่ยังเป็นที่ตั้งของ เชียงใหม่ซู อควาเรียม ศูนย์แสดงพันธ์สัตว์น้ำครบวงจร ที่มีอุโมงค์น้ำความยาวกว่า 133 เมตร ซึ่งจัดได้ว่ายาวที่สุดในโลก แบ่งเป็นอุโมงค์น้ำเค็ม 66.5 เมตร และอุโมงค์น้ำจืด 66.5 เมตร โดยที่นี้ได้รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและโลกใต้ทะเลด้วยกัน
เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari)
โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ประกอบด้วย ส่วนแสดงสัตว์ และ ส่วนที่พักรีสอร์ท ส่วนแสดงสัตว์ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แบ่งได้ 3 จุดย่อย ดังนี้ จุดแรก คือ จาร์กัวร์ เทร์ล ซึ่งมีทะเลสาบหงส์ ขนาดระยะทาง 1.2 กม. ไว้ให้เดินพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย ระหว่างทางจะพบกับสัตว์ป่ามากกว่า 400 ตัว หรือ 50 ชนิด อาทิเช่น เสือจากัวร์ เสือลายเมฆ สมเสร็จบราซิล ม้าแคระ ฮิปโปแคระฯลฯ
จุดที่สอง คือ พรีเดเตอร์ โพลว์เป็นจุดแสดงสัตว์ป่าประเภทสัตว์กินเนื้อ ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าที่มีความดุร้าย ประมาณ 200 ตัว อาทิเช่น เสือโคร่งขาว สิงโต หมาป่า หมีควาย เป็นต้น จุดที่สาม คือ สะวันน่า ซาฟารี ส่วนแสดงสัตว์ป่าประเภทสัตว์กีบและสัตว์กินพืชที่มีถิ่นอาศัยในแถบทุ่งหญ้าสะวันน่า ประมาณ 320 ตัว อาทิเช่น เลียงผา กระทิง แรดขาว ไฮยีน่า เสือชีต้าฯลฯ
ในพื้นที่ส่วนบริการจะเป็นหมู่บ้านล้านนา ซึ่งเป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่ผสมผสานระหว่างแอฟริกาและไทยล้านนา ประกอบด้วย ศูนย์อาหาร ศูนย์รวมสินค้า ของที่ระลึก และเป็นสถานีรับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปยังส่วนแสดงสัตว์ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังได้เพลิดเพลินกับลานน้ำพุดนตรี ฟันพลาซ่า บริเวณด้านข้างของอาคารอีกด้วย
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (Royal Park Rajapruek)
จัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 พรรษาในวันที่ 9 มิถุนายน 2549 และทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ศูนย์กลางการเรียนรู้พืชสวนโลก มีการจัดแสดงพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด การจัดแสดงนิทรรศการด้านการเกษตรและอื่นๆ
เพื่อการเรียนรู้สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป เพื่อการศึกษางานวิจัยต่างๆ ภายในแบ่งออกได้ดังนี้ ต้นสนดึกดำบรรพ์อายุกว่า 250 ล้านปี,บริเวณประตูทางเข้าหอคำหลวง,สวนองค์กรเฉลิมพระเกียรติ เป็นส่วนที่ทางองค์กรต่างๆ ได้มาจัดแสดงภายใต้แนวคิดการจัดสวนตามทฤษฎีการเกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว,สวนนานาชาติ พื้นที่การจัดสวนจากประเทศต่างๆ 33 ประเทศ,พื้นที่ชมภายในอาคารได้แก่ เรือนร่มไท้ โดมไม้เขตร้อนชื้น อาคารพืชทะเลทราย อาคารพืชไร้ดิน อาคารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
พื้นที่ชมงานภายนอกอาคาร ได้แก่ ไม้ชุ่มน้ำ สวนบัว ไม้ประจำจังหวัด ไม้มงคล และไม้พุทธประวัติ ไม้ดัด และอาคารหอประวัติพืชสวนไทย สถานที่ที่จะเปิดให้ชมเพิ่มในช่วงฤดูหนาว ได้แก่ อาคารพืชไม้เมืองหนาว ซึ่งสามรถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไม่ชมได้ตลอดไม่ขาดสาย
ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ (Old Chiangmai Cultural Center)
ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ก่อตั้งโดยคุณบวรและคุณอุณณ์ ชุติมา ซึ่งได้รับแนวความคิดมาจากศูนย์วัฒนธรรมชาวเกาะ ในเมืองฮอนโนลูลู มลรัฐฮาวาย แห่งสหรัฐอเมริกา มีการเริ่มวางโครงการจัดตั้งและก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2513 เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2514
ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ก็ได้เปิดห้องบริการอาหารขันโตกและการแสดงแบบล้านนาเป็นครั้งแรก นับเป็นจุดเริ่มต้นของการบริการอาหารขันโตกแห่งแรกของเมืองเชียงใหม่ การนั่งรับประทานอาหารขันโตก ให้นั่งกับพื้นล้อมวงขันโตก ปัจจุบันได้มีการดัดแปลงสำหรับชาวต่างประเทศที่นั่งกับพื้นไม่ถนัด โดยการยกขันโตกวางบนโต๊ะและนั่งเก้าอี้ ขันโตกมี 2 แบบ คือมีขา และไม่มีขา
รายการอาหารที่เสิร์ฟในขันโตกของศูนย์วัฒนธรรม จะมีทั้งหมด 7 อย่าง ซึ่งอาหารบางอย่างได้มีการดัดแปลงรสชาดให้เหมาะสมกับชาวต่างประเทศ ประกอบไปด้วย 1. แกงฮังแล 2. น้ำพริกหนุ่ม 3. น้ำพริกอ่อง 4. แคบหมู 5. ผักสด 6. ผัดผัก 7. หมี่กรอบ 8. กระบองทอด (ฟักทองทอด) หลังจากนั้น จะเสิร์ฟชาร้อน/กาแฟร้อน ขนมนางเล็ด (ข้าวแต๋น) และผลไม้สดตามฤดูกาล หากนักท่องเที่ยวท่านใดกำลังมองหาอาหารพิ้นของเมืองของชาวเชียงใหม่พร้อมชมศิลปะการแสดงที่สวยงาม ก็ลองแวะมาที่นี้
หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ (Three King’s Monument)
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองเชียงใหม่ และวิถีชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ่น นับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มา และที่อาคารส่วนหลังจัดแบ่งเป็นห้องแสดงนิทรรศการหมุนเวียน
นิทรรศการ ถาวร 15 ห้อง
จัดแบ่งตามเนื้อหาสาระ นับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคสร้างบ้านสร้างเมือง ล่วงเลยผ่านวันเวลาอันรุ่งเรืองและเสื่อมถอย เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งเป็นเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน ระบบการปกครอง วีถีชีวิตภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที่น่าภูมิใจของขาวเขียงใหม่ นำเสนอด้วยแบบจำลองผสานสื่ออันทันสมัย ทั้งสไลด์ วีดีทัศน์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หุ่นจำลอง บอร์ดกราฟิก และภาพประกอบคำบรรยาย เพื่อให้การชมนิทรรศการได้ทั้งความรู้และความตื่นตาใจ
ส่วนทางด้านของนิทรรศการหมุนเวียนและกิจกรรมอาคาร ส่วนหลัง จัดแบ่งเป็นห้องนิทรรศการหมุนเวียนและลานกิจกรรมกลางแจ้ง สำหรับกิจกรรมทางวัฒนธรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ให้ยั่งยืนสืบไป
เสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง (Chiang Mai Inthakin)
เป็นเสาหลักเมืองที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราชจะสถาปนาเมืองเชียงใหม่ ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 1839 ต่อมาจนกระทั่งปีพ.ศ. 2343 พระเจ้ากาวิละซึ่งเป็นผู้ครองนครเมืองเชียงใหม่ในสมัยนั้นได้ร่วมมือกับกองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราช ขับไลพม่าออกจากดินแดนล้านนาได้สำเร็จ จากนั้นได้ทำการฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ได้ย้ายเสาอินทขิลหรือเสาหลักเมืองจากวัดอินทขีลสะดือเมือง หรือวัดสะดือเมือง มาประดิษฐานอยู่ ณ วัดเจดีย์หลวง เป็นหลักเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาตามความเชื่อพื้นฐานที่ว่า การสร้างเมืองในสมัยก่อนจะต้องมีเสาหลักเมือง ละจะต้องตั้งอยู่ศูนย์กลางของเมือง ที่เรียกว่า สะดือเมือง เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมือง ว่ากันว่า เสาหลักเมืองเป็นเสาแห่งความมั่นคงตามดวงชะตาที่จะกำหนดความเจริญและความเสื่อมของเมืองนั้นเอง
ถนนนิมมานเหมินทร์ ( Nimmanhaemin Road )
หากใครกำลังมองหาร้านเก๋ๆถ่ายรูปสวยๆทานอาหาร จิบกาแฟ บรรยากาศสบายๆ คงจะหนีไม่พ้นร้านต่างๆบนถนนเส้นนี้ เพราะที่นี้คือแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างมากของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่าวชาติ เป็นถนนสายการค้าและความบันเทิงที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่
เพราะถนนสายนี้จะเต็มไปด้วยด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ขนมหวาน บาร์นั่งชิวที่มีการตกแต่งในสไตล์ที่โด่ดเด่นทันสมัยและความคิดสร้างสรรค์ต่างๆของแต่งละร้าน ร้านแถวนี้ส่วนใหญ่จะติดรีวิวร้านดังในเมืองเชียงใหม่ ยิ่งเฉพาะในช่วงกลางคืน จะค่อนข้างคึกคักเป็นอย่างมาก เพราะจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมารับประทานอาหารค่ำและนั่งดื่มสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน
ใครที่ชื่นชอบการท่องราตรีคงต้องไม่พลาดมาเยื่อนถนนสายนี้แน่นอน และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีถนนสายนี้จะแออัดไปด้วยผู้คนที่มาท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ถนนคนเดินท่าแพ (Tha Phae Gate Sunday night market)
เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดกำลังมองหาสินค้าพื้นเมืองจำพวกเครื่องประดับตกแต่ง เสื้อผ้า ของที่ระลึก กระเป๋า ผ้าพันคอ โคมไฟ ภาพวาด งานแฮนเมดต่างๆ ของแต่งบ้าน ฯลฯ คงจะหนีไม่พ้นถนนคนเดินท่าแพที่นี้แน่นอน เพราะที่นี้เป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจะนิยมมาเดินเลือกซื้อสินค้า
เนื่องจากมีราคาถูกและคุณภาพดี มีการออกแบบที่สวยงามมีเอกลักษณ์ นอกจากมีสินค้าจำหน่ายแล้วยังอาหารคาวหวานต่างๆและของกินเล่นขายอีกด้วยเช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว-น้ำยา โรตี ลูกชิ้น น้ำผลไม้คั้นสด หมูยอนึ่งฯลฯ นักท่องเที่ยวที่สนใจจะมาถูกใจทั้งนักชิมและนักช้อปเป็นอย่างมาก ถนนคนเดินแห่งนี้จะอยู่บริเวณประตูเมืองท่าแพ เปิดเฉพาะทุกวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 17.00 – 22.00 น.
ถนนคนเดินวัวลาย (Wualai Walking Street Saturday night market)
เป็นถนนคนเดินอีกหนึ่งสายที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่ที่นี้จะมีขนาดเล็กกว่าถนนคนเดินท่าแพ สินค้าส่วนใหญ่จะเหมือนกับที่ถนนคนเดินท่าแพ จำพวกเครื่องประดับตกแต่ง เสื้อผ้า ชุดเมือง ของที่ระลึก กระเป๋า ผ้าพันคอ โคมไฟ ภาพวาด งานแฮนเมดต่างๆ ฯลฯ อีกทั้งสองข้างทางยังมีอาหารเครื่องดื่มหลากหลาย ให้ชิมกันไปตลอดทาง
พ่อค้าแม่ค้าที่นี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในบริเวณถนนวัวลายเนื่องจากที่นี้เป็นหมู่บ้านทำเครื่องเงินเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทั้งผลิตและจำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องเงินต่างๆที่มีความสวยงามประณีต บรรจงและเป็นเอกลักษณ์
หากนักท่องเที่ยวท่านใดที่เดินเข้ามาในถนนเส้นนี้ก็จะพบกับ วัดศรีสุพรรณ ภายในวัดจะมีอุโบสถเงินซึ่งถือได้ว่าเป็นอุโบสถเงินหลังแรกของโลก อาจจะถือได้ว่าเป็น Unseen แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวที่มาจะนิยมเข้าไปกราบสักการะและเยี่ยมชมความสวยงามของอุโบสถเงินแห่งนี้ ถนนคนเดินวัวลายจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประตูเชียงใหม่ เปิดเฉพาะทุกวันเสาร์ เวลาประมาณ 17.00 – 22.00 น.
เชียงใหม่ไนท์บาซ่าร์ (Chiang Mai night bazaar)
ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน สินค้าที่ขายส่วนใหญ่เป็นจำพวกสินค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า เครื่องเงิน เครื่องหนัง ภาพวาด รองเท้า ผ้าไหม กระเป๋าเดินทาง งานแฮนเมด ของที่ระลึกของฝาก ฯ นักช้อปที่มาส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติและชาวจีน ที่นิยมมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างไม่ขาดสาย
หรือหากใครที่เมื่อยจากการเดินซื้อของก็ยังมีบริการนวด ซึ่งจะเห็นได้ตลอดสองข้างทาง ราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังมีโซน กาแล ไนท์ บาซาร์ สำหรับนักท่องเที่ยวเอาไว้นั่งดื่มเบียร์เย็นๆ ค็อกเทลกันชิวล์ ๆ ได้ภายในนี้ เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00 น.-12.00 น.
กาดวโรรส/กาดหลวง (Warorot Market)
สร้างขึ้นเป็นรูปแบบตลาดเมื่อ พ.ศ. 2492 อาคารปัจจุบันสร้างเสร็จปีพ.ศ. 2515 ตัวอาคารมีสามชั้น อีกทั้งมีชั้นใต้ดิน และชั้นลอย นักท่องเที่ยวที่มาที่นี้จะนิยมมาซื้อของ ฝากของที่ระลึกจำพวก หมูยอ ผลไม้อบแห้ง ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม อาหารพื้นเมืองของฝาก แคปหมู ผลไม้เมืองหนาว เสื้อผ้าเมือง เนื่องจากที่นี้มีรสชาติอร่อย คุณภาพดี ราคาถูกและสามารถต่อรองกับแม่ค้าได้ในกรณีที่ซื้อเยอะๆ
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวจีน จะไม่พลาดมาซื้อของฝากจากที่นี้แน่นอนแนะนำให้มาได้ตั้งแต่เวลา 8.30-17.30 น. หรือหากใครที่อยากมาเดินเล่นในช่วงกลางคืน ถนนด้านนอกตลาดจะมีตลาดตั้งตั้งแต่เวลา 19.00น.-23.00น. ซึ่งจะมีสินค้าพวกเสื้อผ้าแฟชั่นกางเกง กระเป๋า รองเท้า ของใช้ และของกินรวมถึงอาหารเมือง ราคาทั่วไป หากใครมีเวลาลองแวะไปเดินเล่นดูเพื่อจะได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้าน
กาดประตูเชียงใหม่ ( Chiang mai Gate Market )
ตลาดยอดนิยมของชาวเมืองเชียงใหม่ที่นี้จะเปิดเป็นสองช่วงคือ ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 6.00-13.00 น. จะเป็นตลาดสด สินค้าที่ขายจะเป็นพวก ผักสด เนื้อสัตว์ ผลไม้ อาหารที่ปรุงสำเร็จต่างๆ เช่น ขนมจีน แกง น้ำพริก ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นเมือง ราคาถูก รสชาติอร่อย เป็นที่ถูกอกถูกใจของชาวเมืองเชียงใหม่ ที่จะแวะเวียนมาซื้อกันทุกๆเช้าอย่างหนาแน่นหากนักท่องเที่ยวมาในช่วงฤดูหนาวก็จะมี ผลไม้เมืองหนาวคุณภาพดี ราคาถูกขายอีกด้วย เช่น สตอเบอร์รี่ อโวคาโด เสาวรส ฯ เป็นต้น
และอีกช่วงเวลาหนึ่งคือ ช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 16.00-23.00 น. บริเวณด้านหน้าตลาดจะเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมายหลายชนิด ในรูปแบบรถเข็นริมทาง ซึ่งมีรสชาติอร่อยราคาไม่แพง ทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ หมูย่าง ไก่ทอด สเต็ก เบอร์เกอร์ เคบับ น้ำผลไม้ ขนมหวาน ฯ ให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อเลือกรับประทานได้อย่างหลากหลาย
กาดหน้ามอ (Malin Night Market)
แหล่งกินช้อปยอดนิยมของวัยรุ่นในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว ภายในตลาดแบ่งออกเป็น 2 โซน คือโซนช้อปปิ้งและโซนอาหาร โซนช้อปปิ้งจะมีสินค้าประเภท เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแฟชั่น เครื่องประดับ ร้านเพ้นเล็บ เสื้อผ้ามือสองต่างที่ถูกอกถูกใจวัยรุ่นชาวเชียงใหม่เป็นอย่างมาก
และอีกโซนนั้นก็คือ โซนของกิน จะมีร้านหมูกระทะ ปิ้งย่าง ร้านซูชิ ร้านไอศกรีม ร้านน้ำผลไม้ต่างๆ และอีกมากมาย เอาใจคนชอบกิน อีกทั้งราคาย่อมเยาว์ ไม่แพง เพราะส่วนมากที่นี้ลูกค้าจะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มาเดินซื้อของกัน ตลาดเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.
อาร์ต อิน พาราไดซ์ เชียงใหม่ (Art In Paradise Chiangmai)
หรือพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ ที่นี้เป็นแห่งที่ 2 และยังถือเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยพิพิธภัณฑ์อาร์ตอินพาราไดซ์เชียงใหม่ จะเน้นรูปแบบของภาพวาดที่มีความแตกต่างจากพัทยา ชลบุรี ภายในได้มีการรวบรวมภาพ 3 มิติเหมือนจริงกว่า 130 ผลงาน
เป็นอาคารมีจำนวน 3 ชั้น และประกอบด้วย 8 โซน ได้แก่โลกใต้ทะเล (AQUA), สวนสัตว์ (ZOO), สัตว์โลกล้านปี (DINOSAUR), ศิลปะเหมือนจริง (SURREALISM), ศิลปะยุคคลาสสิค (CLASSIC ART), ล้านนา (LANNA), ประเพณีไทย (THAI), อียิปต์โบราณ (EGYPTIAN) ซึ่งทั้งหมดนั้นสร้างความมหัศจรรย์อยู่บนฝาผนัง ด้วยเทคนิคที่เหมือนจริงมากๆ สร้างจินตนาการและสีสันให้กับชีวิตของผู้มาชมในการถ่ายภาพ เสมือนส่วนหนึ่งในรูปภาพนั้นๆ
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 -21.00 น. ปิดเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว 19.30 น.
เวียงกุมกาม (Wiang Kum Kam)
เป็นชุมชนโบราณมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 600 เมตร ยาว 850 เมตร ขนานไปตามลำน้ำปิงสายเก่า ซึ่งเรียกกันว่า ปิงห่าง กล่าวคือเป็นบริเวณแม่น้ำปิงที่ถูกทิ้งร้าง แต่เนื่องจากกระแสของแม่น้ำปิงเปลี่ยนทิศทาง จึงทำให้เวียงกุมกามเปลี่ยนมาตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันออกดังที่เป็นในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำครั้งนั้น ทำให้เกิดน้ำท่วมเวียงกุมกามครั้งใหญ่จนเวียงกุมกามล่มสลาย และวัดวาอารามจมอยู่ใต้ดินทราย กลายเป็นเมืองร้างไปในที่สุด
สภาพเวียงกุมกามถูกทำลายไปมาก แต่ยังพบร่องรอยของกำแพงเมืองซึ่งเป็นคันดิน และเห็นเป็นกำแพง 2 ชั้นตรงกลางระหว่างกำแพงคั่นด้วยคูเมืองสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในเมืองจนกระทั่งกรมศิลปากรที่ 4 ได้ค้นพบร่องรอยกำแพงเมืองซากโบราณสถาน เศษเครื่องปั้นดินเผา ซากโบราณสถาน ได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากรที่ 4 เช่น วิหารวัดกานโม ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของเวียงกุมกาม วัดอีค่าง วัดปู่เปี้ย วัดธาตุขาว เป็นต้น
ชาวบ้านในท้องถิ่นมีจัดบริการรถราง และรถม้า เพื่อพานักท่องเที่ยวชมโบราณสถานเวียงกุมกามที่สำคัญ ใช้ระยะเวลานำชมประมาณ 45 นาที ค่าบริการรถม้า 250 บาท รถรางคนละ 15 บาทหรือเหมาคันประมาณ 400 บาท อีกทั้งยังรับจัดกิจกรรมเลี้ยงขันโตกและสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้านบริเวณเวียงกุมกามอีกด้วย
อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า (Huay Tung Tao Lake)
ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ผ่านไปทางสนามกีฬาสมโภช 700 ปี เป็นอ่างเก็บน้ำที่เกิดขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทวมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทราบถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำจึงให้สำรวจและจัดสร้างขึ้นบนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ 4 งาน ต่อมาอ่างเก็บน้ำแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ของชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวจากหลากหลายที่ แวะเวียนมาพักผ่อนกันตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ที่เด็กๆและผู้ใหญ่สามารถลงไปว่ายน้ำได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกมากมายเช่น บริการห่วงยางเรือถีบ เรือพายให้เช่า ราคาไม่แพง และอีกจุดไฮไลท์สำคัญของที่นี้นั้นก็คือ ร้านอาหาร ที่ให้บริการในลักษณะของซุ้มแพที่ยื่นออกไปในอ่างเก็บน้ำ
มีร้านอาหารบริการให้เลือกกว่า 20 ร้าน อยู่รอบอ่างเก็บน้ำ เมนูก็เป็นประเภท ต้มยำปลาคัง ไก่ย่าง ส้มตำ ปลาเผา กุ้งแช่น้ำปลา ฯ ราคาไม่แพง หรือหากใครที่นำรถขับมาเองจะขับรถเล่นชมบรรยากาศรอบๆอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ก็ได้ ตรงหน้าทางเข้าจะเสียค่าบริการคนละ 20 บาท สำหรับเด็กๆเข้าฟรี
บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพง (Sankampaeng Hot Springs)
อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 34 กิโลเมตร ถือเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีของชาวเชียงใหม่ อีกทั้งมีบรรยากาศสวยงามล้อมรอบไปด้วยภูเขาธรรมชาติ บริเวณด้านหน้าทางเข้าเป็นลานจอดรถ มีซุ้มบริการอาหารเครื่องดื่มมากมายหลายร้านให้เลือกซื้อกัน
บริเวณทางเข้าไปยังน้ำพุร้อนก็ยังมีร้านขายสินค้าของที่ระลึกและของดีเมืองสันกำแพงจำหน่ายมากมาย ตลอดทางเดินก็จะมีธารน้ำแร่ร้อนทีไหลคดเคี้ยวมาจากตัวน้ำพุร้อนทางด้านบน สองฝั่งธารน้ำเป็นที่นั่งสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้แช่เท้าในน้ำแร่เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้ออละยังสามารถรักษาโรคเชื้อราในเท้าได้อีกด้วย
ถัดมาเมื่อเดินเข้ามาถึงบ่อน้ำพุร้อน ทางด้านหน้าจัดเป็นบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่เอาไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวเข้าไปต้มไข่ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวต้องมาลองเมื่อเข้ามาเที่ยวที่น้ำพุร้อนสันกำแพง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่มาจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความมหัศจรรย์ธรรมชาติที่มาจากความ เปลี่ยนแปลงจากใต้พื้นโลกก่อเกิดเป็นน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิถึง 100 องศาเซลเซียส น้ำร้อนอันเดือด พุ่งขึ้นจากใต้พื้นสู่ท้องฟ้าสูงถึง 15 เมตร ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก
ศูนย์หัตถกรรมร่มบ่อสร้าง (Bor Sang Umbrella Village)
การทำร่มบ่อสร้างมีมานับร้อยปี ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงมีความถนัดในการทำร่มแตกต่างกันไป เป็นแหล่งผลิตร่มที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ ภายในหมู่บ้านบ่อสร้าง มีการทำร่มด้วยกัน 3 ชนิดนั้นก็ คือ ร่มที่ทำด้วย ผ้าแพร ผ้าฝ้ายและกระดาษสา ซึ่งแต่ละชนิดมีโครงสร้างเป็นไม้ไผ่และวิธีการทำอย่างเดียวกัน
ที่ด้านหน้าศูนย์แห่งนี้จะเป็นอาคารแสดงสินค้าเลือกซื้อเลือกชมกันได้ ส่วนด้านหลังจะเป็นอาคารแสดงการจำลองขั้นตอนการผลิต ตั้งแก่การทำกระดาษสาด้วยกรรมวิธีเก่าแก่ การขึ้นโครง-จนถึงขั้นตอนสุดท้าย คือการแต้มสีหรือวาดลายบนร่ม และมีการวาดลวดลายบนร่มให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอีกด้วย อีกทั้งยังทำด้วยมือทุกขั้นตอน
นอกจากนี้ที่นี้ยังได้รับความนิยม ในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จากตัวเมืองเชียงใหม่ตามถนนสายเชียงใหม่-สันกำแพง 9 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านบ่อสร้าง ก่อนกลับอย่าลืมไปเลือกซื้อของฝากจากบ้านบ่อสร้าง ที่เป็นสินค้าพื้นเมืองยอดนิยมราคาถูก คุณภาพดี ติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากอีกด้วย
อาหารขึ้นชื่อในจังหวัดเชียงใหม่
เชียงใหม่ถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ทำให้เรื่องอาหารการกินพื้นเมืองของคนเชียงใหม่ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากกลุ่มชนต่างๆ ได้ถูกนำมาผสมผสานปรุงแต่งขึ้นเป็นอาหารประจำท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักและนิยมของคนเชียงใหม่นั้นเอง เมนูอาหารนั้นมีประมาณ 200 กว่าชนิด ส่วนรสชาติของอาหารพื้นเมืองนั้น เมื่อเทียบกับอารหารประจำภาคอื่นๆจะถือได้ว่ามีรสชาติที่ไม่จัดจ้านเกินไปนัก ส่วนใหญ่จะออกเค็ม ไม่ออกหวาน เหมือนทางภาคกลาง หรือเผ็ด-ร้อนอย่างอาหารทางภาคใต้
เมนูยอดนิยมที่เป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวที่มาเยือน เป็นต้องไม่พลาดที่จะมาลิ้มลอง นั้นก็คือ น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม ทานคู่กับข้าวเหนียว ผักนึ่งหรือผักสดแล้วแกล้มด้วยแคปหมู , แกงฮังเล แกงคั่วแค ทานคู้กับข้าวสวยร้อนๆ ,ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย เมนูเส้นๆที่ทานกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ นอกจากนี้ยังมีอีกมากมายหลายเมนู หากใครมีโอกาสได้มาท่องเที่ยวยังจังหวัดเชียงใหม่ ก็อย่าลืมไปลองหารับประทานกันดู รับรองจะชื่นชอบอาหารเมืองของที่นี้
แนะนำที่พักหลักร้อย ราคาถูก ในตัวเมืองเชียงใหม่