เที่ยวญี่ปุ่น
ประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ตัวอักษรคันจิของชื่อญี่ปุ่นแปลว่า”ถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์” จึงทำให้บางครั้งถูกเรียกว่า”ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย” เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา และมีภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เมืองหลวงคือกรุงโตเกียว มีการแบ่งภาคออกเป็น 8 ภูมิภาคและแบ่งการปกครองออกเป็น 47 จังหวัด เป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจและมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี
จากการสำรวจพบว่าคนญี่ปุ่นนับถือพุทธชินโตเยอะที่สุดเท่ากับอศาสนาในญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นร้อยละ 51.8 ระบุว่าตนไม่มีศาสนา ประชากรส่วนมากร้อยละ 95 ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาหลัก ส่วนภาษาอังกฤษตามสถานที่สำคัญ เช่น โรงแรม,ร้านอาหาร, สนามบิน, สถานที่ท่องเที่ยว หรือ ตาม เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวสามารถพูดภาษาอังกฤษได้
สกุลเงินญี่ปุ่น คือ เงินเยน แลกเปลี่ยน 100 เยน = ประมาณ 30 บาท *เรทของแต่ละวันขึ้นลงไม่เท่ากัน ( ก.พ. 2559)
สภาพภูมิอากาศในญี่ปุ่นมี 4 ฤดูหลักที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนได้แก่
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) อากาศอบอุ่น อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 13-25 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศร้อนชื้นโดยมีช่วงฤดูฝนสั้นๆประมาณ1เดือน ในช่วงต้นฤดูอุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 30-35 องศาเซลเซียส
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศอบอุ่น โดยมีพายุไต้ฝุ่นมากในช่วงเดือนกันยายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 22-27 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศหนาว มีหิมะตกมากทางภาคเหนือของประเทศและฝั่งทะเลญี่ปุ่น ส่วนทางใต้และฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศจะอบอุ่นกว่า อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 05-07 องศาเซลเซียส
เทศกาลสำคัญในประเทศญี่ปุ่น
-เทศกาลปีใหม่ เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ชาวญี่ปุ่นจะรับประทานโมจิหรือซุปโมจิ และจะไปไหว้พระขอพรที่วัด หลังจากนั้นก็จะนำต้นไม้ชื่อมัทซึ มาวางไว้ที่หน้าบ้านเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวและประดับด้วยไม้ไผ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงความซื่อตรง ซื่อสัตย์ เหมือนลำไผ่ และความอ่อนน้อมแต่แข็งแรงเหมือนต้นไผ่ซึ่งทนทานต่อสภาพอากาศ
-เทศกาลเซ็ตสึบุน ชาวญี่ปุ่นจะนำถั่วแดงโปรยในบ้านและบริเวณนอกบ้านเพื่อไล่สิ่งไม่ดีออกจากบ้าน และให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน หลังจากนั้นก็จะรับประทานเมล็ดถั่วแดงจำนวนเท่ากับอายุของตนเอง เพราะเชื่อว่ารับประทานแล้วจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง
-เทศกาลโอะฮานามิ เป็นเทศกาลชมดอกซากุระ จัดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน-กลางเดือนเมษายน เป็นงานที่สำคัญงานหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ชาวญี่ปุ่นจะพากันออกมาชมความงามของดอกซากุระ ซึ่งพร้อมใจกันบานสะพรั่งรับฤดูใบไม้ผลิเป็นสีชมพูตลอดทาง
-เทศกาลหิมะ (Snow Festival) จัดที่ Sapporo ทุกเดือนกุมภาพันธ์ อากาศที่หนาวเย็น ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าสู่เมืองซับโปโร บนเกาะฮอกไกโด เพื่อร่วมสนุกสนานกับเทศกาลหิมะ
-เทศกาลวันเด็กผู้หญิง หรือ (ฮินะมัทสึริ) บ้านที่มีบุตรสาวจะนำตุ๊กตามาตั้งไว้ในบ้านเพราะเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความสุข
-เทศกาลวันเด็กผู้ชาย คือวันที่ 5 พฤษภาคม เทศกาลนี้จัดขี้นสำหรับเด็กผู้ชายเท่านั้น บ้านไหนที่มีลูกชายจะประดับว่าวปลาคาร์ฟยาว 1-2 เมตรให้ปลิวไสวตามจำนวนบุตรชาย ในบ้านมีการจัดพิธีบูชาตุ๊กตานักรบ ซึ่งประกอบด้วยเสื้อเกราะ หมวกเกราะหรือที่เรียกว่า “โกะงัสสึ นิงเงียว”เพื่ออธิษฐานขอให้บุตรชายที่รักมีสุขภาพแข็งแรง
ไร้โรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ยังมีการใช้ดอกโชบุและดอกคะชิวะและโมะติ ประดับไว้กับตุ๊กตานักรบที่ชื่อว่า Kabuto และมีการดื่มสาเกฉลองเช่นเดียวกับเทศกาลวันเด็กผู้หญิง
ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว โดยได้ดำเนินมาตรการยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวให้กับประเทศเป้าหมาย รวมถึงประเทศไทย เพื่อเพิ่มกระแสให้นักท่องเที่ยวไปญี่ปุ่นเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวภายในประเทศได้มากขึ้น เนื่องจากคนไทยชื่นชอบการไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น
พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace)
พระราชวังหลวงโตเกียว เป็นพระราชวังหลวงที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น พระราชวังนี้แต่เดิมเป็นที่ตั้งของปราสาทเอะโดะ ภายในพระราชวังประกอบด้วยพระราชมนเทียร, พระตำหนัก (คีวเด็ง) ของพระราชวงศ์ พิพิธภัณฑ์ของสะสมในพระองค์, สำนักพระราชวัง, และพระราชอุทยานขนาดใหญ่ ค่าเข้าชม: ฟรี เวลาเปิด-ปิด: เดือนมีนาคม-ตุลาคม 9:00-16:30 เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 9:00-16:00 เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที เดิน 10 นาที จาก Tokyo Station
วัดอาซากุสะ (Asakusa)
หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าเซนโซจิ (Sensouji) เป็นวัดในศาสนาพุทธ แต่เดิมนั้นเป็นวัดของนิกายเทนได มีพระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระประธาน ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดและของผู้คนที่มากราบไหว้บูชา จุดเด่นของวัดนี้ที่มีชื่อเสียงได้อแก่ โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่เขียนตัวอักษรคันจิว่า (Kaminari-Mon) แปลว่า ประตูสายฟ้า ออกมาจากวัดไม่ไกลมีถนนการค้านากามิเสะเป็นย่านขายของที่ระลึกของเมืองเอโดะและยังมี โรงละคร สถานแสดงศิลปะต่างๆ สามรถขึ้นรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีอาซากุสะ ทางออก 3 ได้เลย บริเวณวัดเปิดตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ศาลาวัด เปิดเวลา 6:00-17:00 และในเดือนตุลาคม – มีนาคมเปิด 6:30-17:00
ชินจูกุ (Shin-juku)
เนื่องจากย่านนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ แหล่งศูนย์รวมแฟชั่นเก๋ๆ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าหลายอาคาร ทั้งโรงแรมต่างๆ ตึกแฝดเป็นสำนักงานรัฐบาลซึ่งด้านบนของตึกนี้เปิดให้ประชาชมเข้าชมฟรี ส่วนฝั่งด้านตะวันออกนั้นก็คือ คาบูกิโชะ เป็นย่านที่มีห้างสรรพสินค้ามากมายเหมาะแก่การช้อปปิ้งและร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อีกทั้งยังเป็นแหล่งบันเทิงยามราตรีของนักท่องราตร๊ทั้งหลายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่จะมาสามรถมาลงที่สถานีชินจุกุได้เลย เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างใจกลางเมืองโตเกียวกับชานเมืองตะวันตกซึ่งจะมีรถไฟหลายสายมาที่นี้
กินซ่า (Ginza)
เป็นย่านยอดฮิตสำหรับผู้ที่รักการช้อปปิ้งและกินดื่มของคนโตเกียว บริเวณนี้จะมีศูนย์การค้าต่างๆ ร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ คาเฟ่ มากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอางค์ระดับไฮเอ็นและสินค้าแฟชั่นแบรนด์ชั่นนำต่างๆก็มารวมอยู่ในย่านนี้ ร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิดทุกวัน แต่เสาร์อาทิตย์จะมีคนพลุกพล่านเป็นอย่างมากในถนนชุโอ-โดริ (Chuo Dori) และจะมีการปิดถนนเส้นนี้ให้เป็นถนนคนเดินในช่วงเวลา 12.00-17.00 น. ของทุกวันเสาร์อาทิตย์ (เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนปิดถนนถึงเวลา 18.00 น.) สามรถนั่งรถไฟใต้ดิน ใช้บริการรถไฟสาย Hibiya, Marunouchi และ Ginza Subway Lines ลงที่สถานี Ginza หรือ Higashi-ginza
ชิบุยะ (Shibuya)
แหล่งรวมเสื้อผ้าแฟชั่นต่าง แหล่งธุรกิจ และบันเทิง จุดเด่นของที่นี้เลยคือแยกข้ามถนนที่มีคนเดินข้ามไปมากันคึกคักเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยีงมีย่านสำคัญๆอีกเช่น Center Gai ย่านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ,Tokyo hands มีของขายสไตล์ D.I.Y , Koen Dori มีห้างร้านช้อปปิ้งตลอดสองข้างทาง , Loft แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักกันของชาวไทย , Shibuya 109 สินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ สัญลักษณ์ของย่านนี้ที่นิยมใช้เป็นจุดนัดพบกัน คือ อนุสาวรีย์สุนัขแสนซื่อสัตย์ที่มีชื่อว่า “ฮาจิโกะ” (Hachiko) เวลาเปิด-ปิดของย่านนี้ 9.30-22.30 น. การเดินทางโดยรถไฟ ให้มาลงที่สถานี Shibuya
ฮาราจูกุ (Harajuku)
เป็นย่านของวัยรุ่นญี่ปุ่น มีการแต่งชุดคอสเพลย์ตามตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบที่มีสีสันไม่แพ้ย่านอื่นในโตเกียวเลยที่เดียว มีร้านค้า แหล่งชอปปิ้งที่นี้จะเน้นไปที่เสื้อผ้าแฟชั่นแบบวัยรุ่น และร้านกิ๊ฟช๊อปน่ารักๆต่างๆมากมาย และนอกจากนี้ ย่านฮาราจูกุยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเมจิที่คนญี่ปุ่นเคารพนับถือ เป็นศาลเจ้าศาสนาชินโตที่คนญี่ปุ่นสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิ นักท่องเที่ยวที่มาส่วนมากจะเข้าไปหว้พระขอพร และชมความสวยงามของศาลเจ้าแห่งนี้ ตั้งอยู่ในสวนป่าใหญ่ที่มีบรรยากาศธรรมชาติล้อมรอบ การเดินทางมาที่นี้ที่สะดวกที่สุดคือการนั่งรถไฟมาลงที่สถานี JR Harajuku
สะพานสายรุ้ง(Rainbow Bridge)
สะพานที่เชื่อมต่อระหว่างเกาะโอไดบะกับกรุงโตเกียว เป็นสะพานสองชั้นที่เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของอ่าวโตเกียวแห่งนี้ โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่จะมีแสงไฟส่องสว่างหลากสีสันเหมือนเช่นสายรุ้ง ซึ่งมีสวยงามเป็นอย่างมาก สะพานแห่งนี้มีทั้งทางปกติ ทางด่วน และทางสำหรับเดินเท้าอยู่ทั้งสองด้าน คือ ฝั่งเหนือจะเห็นทิวทัศน์ของชายฝั่งโตเกียวตอนใน และโตเกียวทาวเวอร์ ส่วนฝั่งใต้จะมองเห็นอ่าวโตเกียว และในบางครั้งอาจมองเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย นักท่องเที่ยวสามรถไปชมความสวยงามของสะพานแห่งนี้ได้ในยามค่ำคืน
โตเกียวดิสนีย์แลนด์(Tokyo Disneyland)
สวนสนุกขนาดใหญ่ในกรุงโตเกียวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ภายในแบ่งเป็นโซนต่างๆ ประกอบด้วย โซนเครื่องเล่น การแสดง โรงละคร ร้านอาหารและร้านของฝาก นอกจากนี้ยังมีที่พักคือโตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท ซึ่งอยู่ติดกับตัวสวนสนุกอีกด้วย เปิดให้บริการทุกวัน ราคาบัตรเข้าสวนสนุก ประเภทบัตร 1 เดย์พาสปอร์ต ผู้ใหญ่ 18 ปี ขึ้นไป 6,900 เยน,เด็กโต อายุ 12-17 ปี 6,000 เยน,เด็กเล็ก อายุ 4-11 ปี 4,500 เยน การเดินทางโดยรถไฟ ให้นั่งมาลงที่สถานี Maihama ที่ตั้งอยู่บนสาย JR Keiyo และ JR Musashin
ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji)
ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในโลก ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ของทุกปี เป็นช่วงที่เปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีนเขา หากนักท่องเที่ยวที่ชอบปีนเขาก็ลองขึ้นไปดู ภูเขาฟูจิมีความสูง 3,776 เมตร ถ้าเริ่มเดินขึ้นจาก โกะโกะเม ถึงยอดเขา จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง โดยเฉลี่ย และเวลาลงก็จะใช้เวลา 4 ชั่วโมง นักปีนเขาควรเตรียมตัวและอุปกรณ์ให้พร้อม นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียง เช่น 1) สวนลาเวนเดอร์ , โกเท็นบะ พรีเมี่ยมเอ้าท์เล็ท,Mt. Fuji Children’s World
ภูเขาไฟฟูจิเปิดบริการเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน เวลา 09.00 – 17.00 เดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม เวลา 09.00 – 16.00 (หยุดทุกวันอังคาร) ค่าเข้าชม เด็กเล็ก เข้าชมพรี เด็กประถม 200 เยน เด็กมัธยม 400 เยน ผู้ใหญ่ 800 เยน เฉพาะเสาร์อาทิตย์มีรถทัวร์จากสถานีรถไฟฟูจิเอกิ – รถไฟสายเจอาร์ โทไกโด รถทัวร์นี้มีแค่ ขาไปหนึ่งเที่ยว และ ขากลับหนึ่งเที่ยว ต่อวัน เท่านั้น โปรดระวังเพื่อไม่ให้พลาดรถ สถานีภูเขาฟูจิ ( 9.00 ) -› ฟูจิซังโคโดโมะโนะคูนิ ( 9.50 ) , ฟูจิซังโคโดโมะโนะคูนิ ( 17.09 ) -› สถานีภูเขาฟูจิ ( 18.05 )