สถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย
เชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศไทย เคยเป็นเมืองหลวงของอณาจักรล้านนาตั้งแต่โบราณกาลประมาณ 750 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีอายุเก่าแก่กว่าจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 50 กว่าปีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก จึงทำให้แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แวะเวียนไปเที่ยวชมกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีเขตชายแดนแม่สายที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ทำให้มีการค้าขายที่คึกคักตลอดทั้งปี
ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีป่าไม้ปกคลุม มีที่ราบเป็นหย่อม ๆ ในระหว่างหุบเขาและตามลุ่มน้ำสำคัญ จังหวัดเชียงรายมีโดยส่วนมากจะมีภูเขาล้อมรอบ โดยเฉพาะทางทิศตะวันตกเป็นแนวเทือกเขาผีปันน้ำ ติดต่อกันไปเป็นแถบแนวตลอดเขตจังหวัด ประชากรที่มาอาศัยจะเป็นแบบหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยพื้นราบ ประกอบไปด้วยชาวไทยวน(คนเมือง) ไทลื้อ ไทเขิน และไทใหญ่ ชาวไทยภูเขา ประกอบด้วย อาข่า มูเซอ เย้า กะเหรี่ยง ลีซอ ม้ง และชาวจีนฮ่อที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนดอยสูง แต่ละชนชาติจะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป จึงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือน
การเดินทางมายังจังหวัดเชียงราย หากขับรถมาเองให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน , รถโดยสารประจำทาง กรุงเทพฯ-เชียงราย หรือจะสะดวกเดินทางด้วยเครื่องบินจาก กรุงเทพฯ-เชียงราย ที่มีเที่ยวบินบริการ เดินทางสะดวกปลอดภัย ประหยัดเวลาใช้เวลาประมาณ 1 ชม.นิดๆก็มาถึงยังจังหวัดเชียงรายได้แล้ว
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเมื่อมาถึงจังหวัดเชียงราย
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
ภูชี้ฟ้า
อยู่ระหว่างรอยต่อตะเข็บชายแดนไทย-ลาว มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงเป็นแนวยาวเลาะไปตามแนวตะเข็บชายแดน อยู่บนเทือกเขาสูงทางตะวันออกของจังหวัดเชียงราย บริเวณปลายสุดของหน้าผานั้นจะมีลักษณะแหลมคล้ายกับนิ้วมือยื่นออกไปข้างหน้า จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อ “ภูชี้ฟ้า” แห่งนี้นั้นเอง จุดสูงสุดอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 1,628 เมตร
ด้านล่างของหน้าผาเป็นแหล่งหุบเขา และยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเชียงตองแขวงไชยบุรี ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อีกด้วย ในทุกๆปีนักท่องเที่ยวชาวไทยจะนิยมไปชมทะเลหมอกในช่วงหน้าหนาวกันเป็นจำนวนมาก เพราะได้สัมผัสกับอากาศเย็นและชมทะเลหมอกสวยๆ
ดอยผาตั้ง
เป็นยอดดอยอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,800 เมตร มีสันปันน้ำเป็นจุดแบ่งอณาเขตระหว่างประเทศไทย-ลาว จากยอดดอยนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นแม่น้ำโขงทางฝั่งลาวและยังสามารถมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าที่อยู่ไกลออกไปกว่า 25 กิโลเมตรได้อีกด้วย
ทั้งนี้ดอยผาตั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งหลายในเรื่องการชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าและพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น ให้ได้ถ่ายภาพเก็บความประทับใจอีกทั้งชมความสวยงามของทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวที่มาจะได้สัมผัสกับอากาศเย็น พร้อมบรรยากาศที่สวยงามของที่นี้อีกด้วย เส้นทางเดินขึ้นยอดดอยจะอยู่ติดกับสถานที่ลานจอดรถและร้านค้าบริการ ระยะทางประมาณ 700 เมตร
ดอยแม่สลอง
เป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านสันติคิรี เดิมชื่อแม่สลองนอก เป็นชุมชนที่มีผู้อพยพจากกองพล 93 จากสหภาพพม่า เข้ามายังเขตไทย ประชากรเดิมในดอยแม่สลองจะเป็นชาวอาข่า อีก้อ ที่จะสวมชุดสีดำประจำเผ่าที่ประดับด้วยเครื่องเงิน ดอยแม่สลองนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม
อีกทั้งที่นี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกชาที่ดีที่สุดของประเทศ นักท่องเที่ยวที่มาจะได้ชมกับไร่ชาและมีซากุระหรือนางพญาเสือโคร่งมีดอกช่วงช่วงต้นเดือนมกราคม จนถึงปลายเดือนมีนาคม ที่เป็นช่วงฤดูหนาวของทางภาคเหนือ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบและมีชื่อเสียงของนักท่องเที่ยวที่มาชมความสวยงาม
ไร่ชาฉุยฟง
ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ อยู่ที่ อำเภอแม่จัน ที่นี้เป็นแหล่งปลูกชาชั้นดี ของบริษัท ฉุยฟงที จำกัด ซึ่งป็นผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงรายอีกด้วย มีชาหลากหลายสายพันธุ์คุณภาพเยี่ยม โดยจะปลูกโค้งวนตามสันเขาและลดหลั่นเป็นขั้นบันได
นักท่องเที่ยวที่ไปสามารถไปเยี่ยมชมไร่ชาพร้อมกับถ่ายรูปสวยๆภายในไร่ นอกจากนี้ที่นี้ยังมีร้านอาหาร เครื่องดื่มและเบอเกอรี่ สุดแสนจะน่ารับประทาน พร้อมกับวิวบรรยากาศความสวยงามของไร่ชาอันกว้างขว้างของที่นี้เมนูยอดนิยมที่จะแนะนำนั้นก็คือ เค้กชาเขียว หมั่นโถวใบชานุ่ม ชาเขียว ชาเย็น และอื่นๆอีกมากมาย เป็นที่ถูกอกถูกใจของนักท่องเที่ยวที่มาเป็นอย่างมาก
ทุ่งดอกบัวตองดอยหัวแม่คำ
ตั้งอยู่บนสันเขาตะเข็บชายแดนไทย-พม่า เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่า ลาหู่ ม้ง ลีซอ อยู่สลับกันกับทุ่งดอกบัวตอง ผู้ที่ไปสามารถเดินเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวเขาที่นี้ได้อีกด้วย เมื่อถึงในช่วงฤดูหนาว ทุ่งดอกบัวตองจะเริ่มบานสะพรั่งเหลืองทองอร่าม ไปทั่วทุกที่บริเวณ ในช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน เป็นต้นไป
ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมความงามของทุ่งบัวตองเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่ไป สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นส่องแสงแดดผ่านทิวหมอก ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวที่มาสามารถเดินชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเก็บช่วงเวลาอันสวยงามของที่นี้ไว้นั้นเอง
จุดชมวิวดอยบ่อ
อยู่บนเทือกเขาดอยบ่อ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 23 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 945 เมตร บริเวณจุดชมวิวแห่งนี้มีลานกว้าง สามารถมองเห็นวิวตัวเมืองเชียงรายได้อย่างชัดเจน อีกทั้งในช่วงกลางคืนจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ตัวเมืองของจังหวัดเชียงรายด้วยแสงไฟระยิบระยับสวยงาม หรือที่เรียกว่า ดาวบนดิน
นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝนยังมีสายหมอกจางๆปกคลุมไปทั่วอีกด้วย และในช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางมากางเต็นท์เพื่อสัมผัสกับอากาศหนาว นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปจุดชมวิวตอนนี้ ควรเตรียมเครื่องนอน อาหาร เครื่องดื่ม ไฟฉาย หรือต้องการก่อกองไฟก็เตรียมฟืนถ่านไปด้วย เนื่องจากข้างบนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มีแต่ห้องน้ำ เรียกว่าจุดชมวิวดอยบ่อสามารถมาท่องเที่ยวกันได้ตลอกทั้งปีเลยทีเดียว
ดอยช้าง
เป็นยอดดอยสูงในเทือกดอยวาวี มีชาวเขาเผ่าต่างๆมาอาศัยอยู่ เป็นแหล่งต้นน้ำแม่กรณ์ จัดตั้งเป็นสถานีทดลองเกษตรที่สูงเพื่อส่งเสริมการปลูกพันธุ์ไม้เมืองหนาว ลดการทำไร่เลื่อนลอย ต่อมาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิต”บ้านดอยช้าง” ตั้งขึ้นตามลักษณะของภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนช้างแม่ลูกสองเชือก
ดอยช้างมีชื่อเสียงในเรื่องของเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย นักท่องเเที่ยวที่มาสามารถชมสวนกาแฟที่พร้อมๆกับชมดอกซากุระหรือนางพญาเสือโคร่ง ที่จะบานสะพรั่งในช่วงปลายปี เป็นอีกจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาชมความงามกัน นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวดอยช้าง สามารถไปชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้อีกด้วย
ดอยวาวี ดอยกาดผี
เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ของชาวจีนฮ่อ เสน่ห์ที่น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้แก่เสน่ห์แห่ง “ชา” ที่ชาวบ้านบนดอยวาวีนั้นปลูกกันเองเป็นอาชีพหลักดอยวาวีถือเป็นแหล่งปลูกชาอู่หลงแห่งแรกของเมืองไทยอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่ไปสามารถไปเยี่ยมชมไร่ชาที่ชาวบ้านปลูกเรียงรายลดหลั่นไปตามไหล่เขาแล้ว
ดอยวาวียังมี ต้นชาพันปี ที่บ้านใหม่พัฒนา ชาพันปีต้นนี้วัดเส้นรอบวงบริเวณโคนต้นได้ 150 เซนติเมตร สูงถึง 20 เมตร เป็นชาสายพันธุ์อัสสัม ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ชาวบ้านจะนิยมนำใบมาทำเมี่ยงกินให้ความกระชุ่มกระชวยอีกทั้งยังสามารถไปชิมชารสเลิศของดอยวาวีและเลือกซื้อชากลับไปเป็นของฝากก็ดีไม่ใช้น้อยนอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถไปชมทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวได้ที่ดอยกาดผี ซึ่งมีระดับความสูงประมาณ 1,500 เมตรที่มีความสวยงามมาก ไม่แพ้จุด ชมทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้าเลย
พระตำหนักดอยตุง
หรือ พระตำหนักสมเด็จย่า ตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักสร้างอยู่บนเนินเขา ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามอันกว้างไกล ลักษณะเด่นคือ เป็นศิลปะแบบล้านนา บ้านปีกไม้ มีกาแล ผสมกับลักษณะบ้านพื้นเมืองของชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่เรียกว่าชาเลต์ มีไม้แกะสลักเป็นเชิงชายลายเมฆไหลอ่อนช้อย เน้นความเรียบง่ายแต่ใช้สอยได้อย่างครบครัน รอบพระตำหนักรายล้อมด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้ที่นี่สวยงามสงบและร่มรื่นย์มาก
บริเวณยอดเขารอบพระตำหนัก มีเจ้าหน้าที่นำชมเป็นรอบๆ ละ 20 นาที ปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-17.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับบุคลทั่วไป 90 บาท ผู้สูงอายุและนักเรียน-นักศึกษา 45 บาท (โปรดแสดงบัตร) และบัตรเข้าชม 3 แห่ง คือ พระตำหนัก, สวนแม่ฟ้าหลวง และหอแห่งแรงบันดาลใจ ราคาสำหรับบุคลทั่วไป 190 บาท ผู้สูงอายุและนักเรียนนักศึกษา 90 บาท
วัดพระธาตุดอยจอมทอง
หรือที่เรียกกันว่า วัดพระธาตุดอยตอง (ตามสำเนียงคนเชียงราย) โดยสันนิษฐานว่าพระธาตุดอยจอมทองแห่งนี้สร้างก่อนที่พญามังรายมหาราชจะเสด็จมาพบพื้นที่บริเวณนี้ และโปรดให้สร้างเมืองเชียงรายในปี พ.ศ. 1805 พระเจดีย์ประธานมีลักษณะเป็นเจดีย์ล้านนาพุกาม ส่วนยอดประกอบด้วยบัลลังก์ ปล้องไฉน ปลียอด และมีฉัตรอยู่ชั้นบนสุด
องค์ประกอบของเจดีย์ส่วนฐานมีลักษณะเป็นฐานปัทม์หกเหลี่ยมยกสูง องค์เจดีย์มีลักษณะเป็นชั้นบัวถลารับองค์ระฆังองค์เจดีย์หุ้มด้วยทองจังโกฏิ วัดพระธาตุดอยจอมทองยังมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ใต้ (เดือน 5 เหนือ) ทุกๆปีจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวไปร่วมงานเพื่อความเป็นศิริมงคล
วัดพระแก้วเชียงราย
แต่เดิมชื่อวัดป่าเยี้ยะ (ป่าไผ่) เมื่อ พ.ศ. 1977 ฟ้าผ่าพระเจดีย์จึงได้พบพระแก้วมรกต (ปัจจุบันประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง) ชาวเมืองเชียงรายจึงได้เรียกชื่อวัดนี้ว่า “วัดพระแก้ว” จนกระทั่งปัจจุบันและเมื่อปี พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521
ภายในบริเวณวัดมี พระอุโบสถ เป็นพระวิหารทรงเชียงแสน มีลักษณะฐานเตี้ย เชิงหลังคาลาดต่ำ ด้านในมีพระประธานในอุโบสถ ชื่อพระเจ้าล้านทอง เป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิราบ ส่วนด้านนอกมีพระเจดีย์ฐานเป็นรูปแปดเหลี่ยม,หอพระหยก,พระพุทธรูปหยก,โฮงหลวงแสงแก้ว เป็นอาคารทรงล้านนาประยุกต์ ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระพุทธรูปสำคัญ
วัดมิ่งเมือง
เดิมเป็นวัดไทยใหญ่ มีอายุเท่ากับเมืองเชียงราย คือประมาณ 800 ปี มีชื่อเรียกตามที่ปรากฏบนแผ่นทองคำจารึกอักษรพม่าว่า “วัดตะละแม่ศรี”ซึ่งเป็นชื่อของผู้สร้างวัดมีนามว่า เจ้านางตะละแม่ศรี เป็นพระมเหสีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และคำบอกเล่าของคนโบราณ วัดนี้มีความสำคัญเกี่ยวกับช้างคู่บารมีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ชาวเชียงรายส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ วัดจ๊างมูบ เป็นภาษาเหนือ แปลว่า วัดช้างหมอบ ปัจจุบันทางวัดได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์โบราณศิลปะไทยใหญ่ พระอุโบสถและพระวิหารไม้ลายคำศิลปะล้าน
วัดมิ่งเมืองยังเป็นประตูเมืองเก่าของเมืองเชียงราย คือ ประตูไก่ดำ หรือประตูขัวดำ บริเวณประตูวัดด้านทิศตะวันออก มีบ่อน้ำโบราณ ชื่อ น้ำบ่อจ๊างมูบ เชื่อกันว่าบ่อน้ำนี้เป็นบ่อน้ำโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นแหล่งน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคของผู้คนโบราณที่สัญจรเข้าออกเมือง ใครได้มาพักกายบริเวณประตูเมืองเพื่อดื่มน้ำและล้างหน้าให้เกิดสิริมงคลก่อนจะเริ่มเดินทางออกหรือเข้าสู่เมืองเชียงราย
วัดพระสิงห์เชียงราย
เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้ามหาพรหม ซึ่งเป็นพระอนุชาของพญากือนา ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ราวปีพ.ศ. 1928 เหตุที่ได้ชื่อว่า วัดพระสิงห์ นั้นเชื่อกันว่า น่าจะมาจากการที่ครั้งหนึ่ง วัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของไทยในปัจจุบัน คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียกกันในชื่อสามัญว่า พระสิงห์
ด้านในมีพระประธานอยู่ด้านในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธปฏิมาศิลปะล้านนาไทย หน้าตักกว้าง 204 เซนติเมตร สูงทั้งฐาน 284 เซนติเมตร แบบปางมารวิชัย พระอุโบสถสร้างขึ้นราวปีพ.ศ. 1251 – พ.ศ. 1252 เป็นแบบสถาปัตยกรรมล้านนาไทยสมัยเชียงแสน บานประตูหลวงทำด้วยไม้แกะสลักจิตกรรมอย่างประณีตวิจิตรบรรจง ออกแบบโดย อ.ถวัลย์ ดัชนี นอกจากนี้ยังมี พระเจดีย์,หอระฆัง,
ต้นพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยา ที่นำมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย และต้นสาละลังกา เป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าประทับสำเร็จสีหไสยาสน์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ นำมาจากประเทศศรีลังกา และนำมาปลูกไว้ที่วัดพระสิงห์เมื่อ พ.ศ. 2512 วัดพระสิงห์เชียงรายนี้จึงเป็นศูนย์รวมใจของชาวเชียงรายมาอย่างยาวนาน
วัดร่องขุ่น
ออกแบบและก่อสร้างโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินของจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน ได้รับแรงบันดาลใจและแรงศรัทธาในการสร้างวัดมาจาก 3 ประการต่อไปนี้คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติในชื่อ White Temple
จุดเด่นภายในวัดคืออุโบสถ ที่สื่อถึงความหมายต่างๆได้ดังนี้ สีขาว-พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า,สะพาน-การเดินข้ามจากวัฎสงสารสู่พุทธภูมิ,เขี้ยวหรือปากพญามาร-กิเลสในใจสันของสะพาน-มีอสูรอมกันข้างละ 8 ตัว 2 ข้าง รวมกันแทนอุปกิเลส 16,กึ่งกลางของสะพาน-เขาพระสุเมรุ,
ดอกบัวทิพย์-มี 4 ดอกใหญ่ ตรงทางขึ้นด้านข้างอุโบสถแทนซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ บันไดทางขึ้นมี 3 ขั้น-แทน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วัดร่องขุ่นนี้จึงเป็นที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่อยากจะมาสัมผัสความงดงามของวัดแห่งนี้
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น. ห้องแสดงภาพเปิดให้เข้าชมวันจันทร์ – ศุกร์ 8.00 – 17.30 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 8.00 – 18.00 น.
พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
สร้างขึ้นโดย อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ที่มีฝีมือทางด้าน จิตรกรรม ปฏิมากรรม ได้สร้างงานด้านศิลปะไว้มากมาย ลักษณะของบ้านดำจะเป็นกลุ่มบ้าน ศิลปะแบบล้านนา ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งบ้านทุกหลังจะทาด้วยสีดำ เป็นที่มาของคำว่า บ้านดำ และยังเป็นสีที่ อ. ถวัลย์โปรดปราน อีกด้วย ภายในบ้านแต่ละหลังจะประดับด้วยไม้แกะสลักที่มีลวดลายงดงาม นอกจากไม้แกะสลักแล้วยังประดับด้วยเขาสัตว์ต่าง
ภายในบริเวณประกอบไปด้วยบ้านทั้งหมด 36 หลัง ที่มีลักษณะ แตกต่างกันไป ซึ่งสร้างเอาไว้สำหรับเก็บสิ่งของสะสมต่างๆของอาจารย์ถวัลย์ บรรยากาศรอบๆบริเวณบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ซึ่งมีความร่มรื่นและเย็นสบาย พิพิธภัณฑ์บ้านดำ เปิดให้เข้าชมเข้าชมฟรี ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.
ไร่บุญรอด
เป็นไร่ของบริษัท บุญรอด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ ภายในไร่บุญรอดนอกจากจะมีแปลงปลูกข้าวบาร์เลต์ของเบียร์สิงห์ซึ่งอยู่ด้านหน้าแล้ว ยังมีพื้นที่เกษตรกรรมและไร่ชากว่า 600 ไร่ ที่นี้ปลูกพืชหลายชนิดตามความเหมาะสมกับสภาพดินเช่น สตอเบอรี่ มะเขือเทศ ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง ส่วนพื้นที่ราบจะปลูกพืชไร่ที่มีชื่อเสียง เช่น ข้าวบาร์เลย์ และข้าว และพืชผัก เช่น บร็อกโคลี่ ฟาร์มเห็ดหอม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามในบรรยากาศแห่งขุนเขาเมืองเหนือ ชมพระอาทิตย์ยามเย็นก่อนลับขอบฟ้า และรับประทานอาหารอร่อยได้ที่ ร้านอาหารภูภิรมย์ บนจุดชมวิว 360 องศา อีกทั้งยังมีร้านกาแฟเบอเกอรี่ ที่ตั้งอยู่ทางเข้าไร่ อีกทั้งยังมีร้านค้าขายผลิจภัณฑ์ที่มาจากไร่ ไม่ว่าจะเป็น ชา ไวน์ และมะเขือเทศ ซึ่งรับรองได้ว่ามะเขือเทศที่ ไร่บุญรอด รสชาติ หวานอร่อย กรอบมาก
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจนั้นก็คือ เที่ยวชมไร่บุญรอด ซึ่งทางไร่จะมีรถนำเที่ยวแบบฟาร์มทัวร์ อัตราค่าบริการคนละ 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบฟรี ใช้เวลาการ ชมประมาณ 45- 50 นาที รอบเช้าเที่ยวแรก ประมาณ 09.30 น. รอบบ่าย 12.30 น. รอบสุดท้าย 17.00 น.ในส่วนของฟาร์มทัวร์จะปิดตั้งแต่เดือนมี.ค. – ต.ค. และจะเปิดให้บริการในช่วงหน้าหนาว พ.ย. – ก.พ.
สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่ต้องการเข้าชมฟาร์มทัวร์ในไร่บุญรอดในช่วงเดือน ธ.ค. หากเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ คนเยอะมาก ถ้ามาลงทะเบียนจองช้าฟาร์มทัวร์เต็มทุกรอบ หากใครมีแพลนจะมาที่นี่ ควรโทรสอบถามก่อนว่ารอบไหนว่างบ้างจะได้ไม่พลาดชม
(ไร่บุญรอด โทร 053-172-870)
สามเหลี่ยมทองคำ
คือพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย,ลาวและพม่า มีลักษณะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมบรรจบกัน โดยมีแม่น้ำโขงตัดผ่านชายแดนไทยและลาว โดยมีที่มาของชื่อสามเหลี่ยมทองคำนั้นคือ ในสมัยก่อนเกิดการค้าขายสินค้าแลกเปลี่ยนกันขึ้นของทางฝั่งพม่าและลาวโดยการใช้ทองคำและสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกัน ณ บริเวณบ้านสบรวกของไทย เป็นจุดค้าขายที่เฟื่องฟูมากของสมัยนั้น
และเพราะการและเปลี่ยนด้วยทองคำนี้เองจึงทำให้ชาวบ้านเรียกขานบริเวณนี้กันจนติดปากว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” มาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่มายังนิยมนั่งเรือเที่ยวชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า ค่าเช่าเรือประมาณ 300-400 บาท หรือ จะไปนมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดินหากมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาวก็จะเห็นสายหมอกในตอนเช้าบริเวณนี้อีกด้วย ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก
ตลาดชายแดนแม่สาย
อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 61 กิโลเมตร เป็นอำเภอเหนือสุดของประเทศไทย ติดกับจังหวัดท่าขี้เหล็กของประเทศพม่า ทั้งชาวไทยและชาวพม่าเดินทางไปมาหาสู่ค้าขายกันโดยเสรี มีสะพานเชื่อมเมืองทั้งสองเข้าด้วยกันนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางไปยังตลาดแม่สายและท่าขี้เหล็กของพม่า เพื่อซื้อสินค้าพื้นเมืองและสินค้าราคาถูก
การเดินทางไปเขตประเทศพม่าได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 06.30 – 18.00 น. โดยใช้บัตรประชาชน หรือบัตรอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้ ค่าบริการคนละ 30 บาท ค่าผ่านแดนเข้าพม่า 10 บาท สินค้าที่ไม่อนุญาตให้ซื้อเข้าไทย ได้แก่ สินค้าจากากวัตว์ป่า สุรา บุหรี่ต่างประเทศและซีดีลามกอนาจาร หากซื้อมาเพื่อการค้าต้องเสียภาษีนำเข้าให้ถูกต้องด้วย
ถนนคนเดินเชียงราย
หรือที่ชาวเชียงรายรู้จักกันดีว่า กาดเจียงฮายรำลึก จะมีทุกๆวันเสาร์เปิดตั้งแต่เวลา 16.00 น.-24.00น บริเวณถนนธนาลัยสุดสาย ใจกลางเมืองเชียงราย ภายในถนนคนเดินเต็มไปด้วยสินค้าแฮนด์เมดมากมาย ภาพวาด ของตกแต่งบ้าน กระเป๋า รองเท้า สินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึกต่างๆที่วางขายมากมายตลอดแนวสองข้างทาง เหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาของฝากหรือสินค้าพื้นเมืองเชียงราย
ไฮไลท์ที่สะดุดตานักท่องเที่ยวที่มามากที่สุดนั้นก็คือ จะมีลานไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวมาเต้นรำวงกัน ซึ่งเราจะเห็นคนเฒ่า คนแก่ มาเต้น ดูแล้วชวนให้นึกถึงวันวานในสมัยก่อน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่ารัก และสีสันของถนนคนเดินแห่งนี้นั้นเอง อีกหนึ่งบรรยากาศสบายๆของถนนคนเดินเชียงรายแห่วนี้นั้นเอง
อาหารขึ้นชื่อในจังหวัดเชียงราย
เชียงรายเป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคเหนือของไทย คนส่วนใหญ่จึงได้รับอิทธิพลและวัฒนธรรมมาจากชาวล้านนา รวมถึงเรื่องอาหารการกินอีกด้วย อาหารที่ขึ้นชื่อในจังหวัดเชียงรายที่มาแล้วต่องลองได้แก่
แกงโฮ๊ะ โฮ๊ะ แปลว่า รวม ก็คือการนำเอาอาหารหลายๆอย่างที่รับประทานไม่หมด มารวมกันนำมาแกงโฮ๊ะหรือคั่วโฮ๊ะนั่นเอง มีรสชาติเผ็ดร้อนเครื่องแกง กินคู่กับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็ได้อร่อยมากๆ
แกงฮังเล เชื่อกันว่าแกงฮังเลเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากพม่าในสมัยอดีต รสชาติเข้มข้นและหอมเครื่องแกง นิยมใช้หมูสามชั้นมาแกงเพื่อความอร่อย ทานคู้กับข้าวสวยร้อนๆอร่อยที่สุด
ขนมจีนน้ำเงี้ยว ประกอบด้วยเส้นขนมจีน, เลือดหมู, เนื้อหมู, มะเขือเทศ เป็นหลัก สูตรเชียงรายจะใส่ดอกงิ้ว รสชาติอร่อยกลมกล่อมตามสไตล์ชาวล้านนา เป็นอาหารเป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยว
ข้าวซอย เดิมเรียกว่า ก๋วยเตี๋ยวฮ่อ เป็นอาหารที่คล้ายกับเส้นบะหมี่ ในน้ำซุปที่ใส่เครื่องแกง มีรสชาติจัดจ้านเข้มข้น นิยมใช้เนื้อหมูหรือเนื้อไก่หรือเนื้อวัว ในการทำ มีเครื่องเคียงได้แก่ หอมหัวแดง ผักกาดดองและมะนาว อีกทั้งยังมีเครื่องปรุงรส เติมตามความชอบของแต่ละบุคคล